รีเซต

โรงกลั่นลุ้นเจรจารัฐบาล TOP-PTTGCลงมากไป

โรงกลั่นลุ้นเจรจารัฐบาล TOP-PTTGCลงมากไป
ทันหุ้น
20 มิถุนายน 2565 ( 06:06 )
210
โรงกลั่นลุ้นเจรจารัฐบาล TOP-PTTGCลงมากไป

#โรงกลั่น #ทันหุ้น – เปิดผลกระทบโรงกลั่นหลังรัฐขอความร่วมมือ ส่งกำไรค่ากลั่นสูงถึงเดือนละ 7 พันล้าน ท่ามกลางราคาหุ้นดิ่งพสุธา นักวิเคราะห์แนะจับตาโรงกลั่นเจรจาลดวงเงิน ขณะที่โรงกลั่นต่างชาติยังไม่ชัวร์ให้ความร่วมมือ ชี้ TOP-PTTGC ลงมากเกินวงเงินที่เก็บ แนะรอผลสรุปให้ชัดเจนเก็บเท่าไหร่ก่อนหาจังหวะซื้อ

 

หุ้นโรงกลั่นร่วงลงอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลประกาศเตรียมขอความร่วมมือ ให้นำส่งกำไรส่วนเกินค่าการกลั่นน้ำมันต่อภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะจัดเก็บได้ประมาณ 6-7 พันล้านบาทต่อเดือน แบ่งเป็นกำไรจากค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน และเบนซิน 1 พันล้านบาทต่อเดือน ท่ามกลางคำถามผลกระทบมากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ร่วงลงแรง

 

นายสุวัฒน์  สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนอร์เนชั่นแนล จำกัด (FSSIA) ระบุว่าจากการคำนวณเงินช่วยเหลือรายเดือนจะส่งผลกระทบต่อค่าการกลั่นดีเซลที่ 3 บาทต่อลิตร หรือ 15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ผลกระทบต่อค่าการกลั่นเบนซินจะอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร หรือ 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

โดยโรงกลั่นรัฐ 4 แห่งที่จะได้รับผลกระทบ คือ TOP มูลค่า 4,786 ล้านบาท, PTTGC 4,102 ล้านบาท, IRPC 3,761 ล้านบาท, BCP 2,051 ล้านบาท ขณะที่ SPRC และ ESSO ซึ่งมีเจ้าของบริษัทในสหรัฐอเมริกามีโอกาสที่จะไม่ปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาล แต่หาก SPRC และ ESSO ถูกบังคับให้ปฏิบัติตาม ประเมิน SPRC และ ESSO จะมีกำไรสุทธิลดลง 1-2 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/2565 อย่างไรก็ตามเนื่องจากผลกระทบที่แท้จริงโรงกลั่นยังไม่ชัดเจนและต้องติดตามว่าจะยืดเวลาขอความช่วยเหลือจาก 3 เดือนออกไปหรือไม่หากราคาน้ำมันยังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

@ ลุ้นโรงกลั่นเจรจาต่อรอง

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์เคทีบีเอสที ระบุว่า มีมุมมองเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน จากการขอความร่วมมือในลักษณะนี้ แม้จะสามารถช่วยลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงในระยะสั้น แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนในธุรกิจพลังงานในระยะยาว โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้หากตัวเลขเงินอุดหนุนเป็นไปตามในข่าว เชื่อว่ากลุ่มโรงกลั่นจะเห็นผลกระทบต่อกำไร (หลังหักภาษี) ปีนี้ในช่วง 1.8-4 พันล้านบาท ขึ้นอยู่กับส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละบริษัท โดยเห็น Downside ต่อประมาณการกำไรปีนี้ ในช่วง 12%-18% โดยเรียงลำดับ จากมากไปน้อย คือ PTTGC, SPRC, TOP (ถ้าหากตัดกำไรจากการขายหุ้น GPSC ออกไป TOP จะได้รับผลกระทบมากที่สุดถึง 20%) อย่างไรก็ดี เชื่อว่ายังต้องมีการเจรจาถึงตัวเลขเงินอุดหนุนรวมถึงรูปแบบในการช่วยเหลือ ระหว่างโรงกลั่นต่างๆ กับกระทรวงพลังงานและรัฐบาลอีก

 

@ โรงกลั่นอาจให้ไม่ถึงเป้ารัฐ

 

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ตลาดกังวลต่อผลกระทบกำไรของกลุ่มพลังงาน และกดดันราคาหุ้นในช่วงที่รอข้อสรุปมาตรการโดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น เพราะ 1. มีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากสุดในกลุ่มพลังงาน 2. ตัวเลขเบื้องต้นของเงินอุดหนุนที่รัฐคาดหวังจากกลุ่มโรงกลั่นในช่วง 3 เดือนรวมราว 21,000 ล้านบาท แบ่งเป็นอุดหนุนดีเซล 18,000 ล้านบาท และอุดหนุนเบนซิน 3,000 ล้านบาท จะกระทบกำไรกลุ่มโรงกลั่น 20%-165% โดยกระทบ IRPC มากสุด และ 3. ตลาดอาจกังวลว่ารัฐอาจต้องการเงินอุดหนุนยาวนานมากกว่า 3 เดือน

 

ทั้งนี้เชื่อว่าสุดท้ายผลกระทบต่อกำไรโรงกลั่นอาจไม่ได้มากเท่าตัวเลขเงินอุดหนุนที่รัฐคาดหวัง เพราะ 1. มาตรการจากที่ประชุมทีมเศรษฐกิจฉุกเฉินของรัฐ ยังไม่ได้ผ่านการเจรจาร่วมกับเอกชน และ 2. มาตรการขอเงินอุดหนุนตามข่าวเป็นการขอความร่วมมือ ไม่ใช่การบังคับ ซึ่งโรงกลั่นสุดท้ายอาจไม่สามารถให้ได้ตามที่รัฐคาดหวัง เพราะคาดต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนพลังงาน, ค่าใช้จ่าย พนักงาน, ขาดทุนอนุพันธ์ และกระแสเงินสดที่ต้องสำรองเพื่อรับความผันผวนของตลาดพลังงานในอนาคต รวมถึงผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น

 

@ TOP-PTTGC ลงมากเกินข่าว

 

ดังนั้นจึงมองว่าหลังได้ข้อสรุปมาตรการชัดเจนเป็นโอกาสซื้อ สำหรับ TOP และ PTTGC ที่ราคาหุ้นลดลงมากกว่าผลกระทบต่อหุ้นไปแล้วโดยจากการประเมินผลกระทบจากมาตรการตามข่าวของเราทั้ง 3 กรณี พบว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงวันที่ 10-16 มิถุนายน 2565 ของ TOP ราว 5.75 บาทต่อหุ้น และ PTTGC ราว 3.0 บาทต่อหุ้น ปรับลงไปมากกว่าผลกระทบเงินอุดหนุนต่อหุ้นมากสุดที่ -3.76 บาทต่อหุ้น และ -1.45 บาทต่อหุ้น ไปแล้ว

 

คงคำแนะนำ Bullish กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี คาดกำไรปกติกลุ่มปีนี้ทรงตัวในระดับสูง และสูงกว่าช่วง Pre-COVID ที่ 1.9-2.9 แสนล้านบาท ในขณะที่ PBV ยังซื้อขายต่ำกว่า Pre-COVID คง Top Picks เป็น 1.PTTEP ซื้อที่ราคาเป้าหมาย 163.50บาท ในช่วงที่ราคาน้ำมันผันผวน และมีปัจจัยบวกต่อเนื่องในสภาวะ Supply พลังงานตึงตัว และ 2. TOP ซื้อ เป้าหมาย 77 บาท คาดกำไรครึ่งปีแรกเด่นสุดในกลุ่ม ระยะยาวคาดอัตรากำไรดีกว่ากลุ่มจากโครงการ CFP

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง