รีเซต

สะเทือนใจโคตรระเบิดเบรุต คร่าชีวิตพ่อกลับมาเฝ้าลูกน้อยป่วยมะเร็ง

สะเทือนใจโคตรระเบิดเบรุต คร่าชีวิตพ่อกลับมาเฝ้าลูกน้อยป่วยมะเร็ง
ข่าวสด
9 สิงหาคม 2563 ( 02:37 )
105
สะเทือนใจโคตรระเบิดเบรุต คร่าชีวิตพ่อกลับมาเฝ้าลูกน้อยป่วยมะเร็ง

สะเทือนใจโคตรระเบิดเบรุต - เอพี รายงานเรื่องราวโศกนาฏกรรมชีวิตครอบครัวชาวเลบานอน จากเหตุการณ์โคตรระเบิดสนั่นโกดังท่าเรือกรุงเบรุต ทำลายล้างพื้นที่ในรัศมีโดยรอบหลายกิโลเมตร เมื่อวันที่ 4 ส.ค. คร่าชีวิตผู้เคราะห์ร้ายแล้วอย่างน้อย 158 ราย บาดเจ็บ 6,000 คน

 

นายจิฮัด อายุ 44 ปี เป็นคนหนึ่งที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ หลังจากต้องห่างจากครอบครัวติดค้างอยู่ประเทศไนจีเรีย ตั้งแต่เดินทางไปช่วงคริสต์มาสปีก่อน จนปีนี้เกิดสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด ทำให้กลับมาไม่ได้

 

กระทั่งเมื่อมาตรการควบคุมการเดินทางเริ่มผ่อนคลายลง นายจิฮัดจึงรีบเดินทางด่วนมายังโรงพยาบาลที่ลูกสาวอายุ 6 ขวบรักษาอาการมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดแพร่กระจายเร็ว

 

(Soha Saade via AP)

 

นายจิฮัดและนางโซฮา ซาเอเด ภรรยา ต่างเฝ้าไข้ลูกสาว ชื่อ เกมมา อยู่ 13 วัน ระหว่างที่ลูกเข้ารับการรักษา เหลืออีกวันเดียวทั้งหมดจะได้กลับบ้าน

 

แต่เหตุการณ์ช็อกโลกไม่คาดคิดเกิดขึ้น ช่วงเย็นวันอังคารที่ 4 ส.ค. สามีภรรยาคู่นี้เห็นว่ามีควันผิดสังเกตตลบอยู่ด้านนอกหน้าต่างโรงพยาบาล โซฮาใช้มือถือถ่ายคลิปไว้และออกไปถามนางพยาบาลว่ามีอะไรหรือไม่

 

จังหวะที่หญิงสาวเปิดประตู “โลกระเบิด" ในตอนนั้น

โซฮาหมุนตัวกลับตรงไปหาลูกสาวทันที ภาพที่เห็นคือลูกสาวตกตะลึงกับเลือดที่ไหลจากศีรษะของพ่อ

 

หญิงสาวรุดเข้าไปอุ้มร่างสามีเพื่อพยุงไปขอความช่วยเหลือ ขณะที่ต้องเดินเท้าเปล่าเหยียบเศษกระจกพาสามีลงมายังชั้นที่ 9 แต่ตอนนั้นระบบของโรงพยาบาลล่มไปแล้ว โซฮาต้องหาทางอื่น

 

(Soha Saade via AP)

 

จังหวะถัดมา มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยพยุงหญิงสาวลงบันได และน้องชายของโซฮาก็รุดมาถึงพอดี โซฮาโทรศัพท์คุบกับเพื่อนของหมอ เพื่อถามถึงวิธีที่จะปฐมพยาบาลสามีไปก่อน ระหว่างติดต่อขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลอื่น แต่ก็ไม่สำเร็จ ทุกแห่งที่อยู่ในบริเวณนั้นโกลาหลไปด้วยคนไข้ล้นจากทั่วทุกสารทิศ

 

“จิฮาโด ตอบฉัน อย่าทิ้งฉันไป” โซฮาพูดกับสามี ก่อนที่จิฮัดค่อยๆ หมดลมหายใจในอ้อมกอดของเธอ

“เขาไม่ได้ลืมตาเลยด้วยซ้ำ ฉันเห็นวิญญาณของเขาออกจากร่าง” โซฮาให้สัมภาษณ์ สามวันหลังจากนั้น เธอจึงค่อยดึงเศษแก้วออกจากเท้า แต่ยังไม่รู้ว่าจะดึงความปวดใจออกไปได้อย่างไร

 

“เขาไม่ควรต้องไปตายที่โรงพยาบาลแบบนั้น มันทำให้ฉันใจจะขาด” โซฮากล่าว

 

AP PHOTO

 

ทั้งสองแต่งงานกันเมื่อปี 2552 โซฮาจำเป็นต้องจากไนจีเรียกลับมาเลบานอน เพราะเกิดโรคระบาดอีโบลาที่นั่น จากนั้นไม่กี่ปี หญิงสาวก็มีลูก แต่แล้วสถานการณ์ความรุนแรงในเลบานอน กลับทำให้แผนที่พ่อแม่ลูกจะได้อยู่ด้วยกันต้องล่มไป จิฮัดจำเป็นต้องไปทำงานอยู่ไนจีเรีย ลูกๆ 2 คน คือ คาร์ล ลูกชาย อายุ 9 ขวบ และแกมมา ลูกสาว อายุ 6 ขวบ อยู่กับแม่ที่เลบานอน

 

“ช่วงที่เราห่างกัน เราคุยโทรศัพท์กัน เขาบอกฉันทุกวันว่าที่รักไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล ถ้าฉันต้องการดาวเดือน เขาจะหามาให้ เขาไม่เคยทำให้ฉันโกรธ เขาไม่เคยทำให้ฉันโกรธเลย" โซฮากล่าว

 

A damaged car is parked outside a destroyed building in a neighborhood near the scene of Tuesday's explosion that hit the seaport of Beirut, , Lebanon, Friday, Aug. 7, 2020. (AP Photo/Felipe Dana)

 

ปกติแล้วทั้งสองจะพบกันทุกสองเดือนจนเมื่อโรคโควิดระบาดโลก ทำให้ครอบครัวต้องห่างกันไปนาน จนเมื่อประเทศเริ่มคลายล็อก จิฮัดกลับมาหาลูกเมียได้ ช่วงสุดสัปดาห์หลังจากเฝ้าไข้ลูกสาว จิฮัดก็กลับไปเยี่ยมลูกชาย

 

จนเมื่อสองวันก่อนเกิดระเบิด ชายหนุ่มจึงกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ซื้อชุดนอนใหม่มาให้ภรรยา และซื้อสลัดมาให้ลูกสาว

“เขาห่วงใยครอบครัวที่สุด เขาแบกความรับผิดชอบใหญ่ไว้ และทุกคนก็พึ่งพาเขา เขามักเป็นที่พึ่งทางใจของฉันเสมอ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง