เลบานอน จ่อวิกฤต! คลังอาหารหลักถูกระเบิดเกือบหมด

วันนี้( 6 ส.ค.63) เหตุระเบิดที่ท่าเรือในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เกิดขึ้นติดกับคลังที่เก็บธัญพืช อาหารต่างๆของกรุงเบรุต และแรงระเบิดทำให้คลังธัญพืชที่สามารถจุได้ถึง 120,000 ตัน เสียหายหมด ขณะที่คลังอาหารอื่นๆที่ท่าเรือเบรุต ยังคิดเป็นสัดส่วนอาหารราว 60% ที่เลบานอนนำเข้าด้วย โดยบ๊อบ จาบรา จากบริษัทอิบราฮิม จาบรา แอนด์ ซันส์ ระบุว่า บริษัทของตนสูญเสียคอนเทนเนอร์ข้าว 10 ตู้ ซึ่งมีข้าวถึง 250 ตัน

ขณะที่ผู้ว่ากรุงเบรุตคาดการณ์ว่า ความเสียหายจากระเบิดครั้งนี้จะสูงถึง 3-5 พันล้านดอลลาร์และท่าเรือเสียหายอย่างหนักต้องใช้เวลาซ่อมแซมและฟื้นฟูอีกนาน ทำให้เลบานอนต้องไปใช้ท่าเรืออันดับสองของประเทศที่เมืองทริโปลีแทน

ด้านรัฐมนตรีเศรษฐกิจของเลบานอนยืนยันว่า เลบานอนเหลือธัญพืชบริภาคไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่ข้าวสาลียังมีเพียงพอและจะไม่เกิดวิกฤตขาดแคลนแป้งสาลีหรือขนมปังแน่นอน ส่วนคลังธัญพื้ชที่ถูกทำลายไปนั้นมีความจุ 120,000 ตัน แต่ตอนที่เกิดเหตุระเบิด มีธัญพืชภายในคลังราว 15,000 ตัน

ขณะที่สหภาพผู้นำเข้าข้าวสาลีระบุว่า คลังแป้งข้าวสาลีในประเทศเหลือดำรงชีพเพียงหนึ่งเดือนครึ่ง แต่กำลังมีการส่งแป้งราว 28,000 ตันเข้ามาพร้อมกับเรือสี่ลำแล้ว

ก่อนหน้านี้ เลบานอนกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลเลบานอนพยายามหาเงินกู้จากชาติต่างๆ รวมถึงไอเอ็มเอฟ 

การที่เลบานอนขาดเงินตราต่างประเทศ อาหาร และน้ำมัน จึงทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อโดยรวมอยู่ที่ 90% ในเดือนมิถุนายน แต่อัตราเงินเฟ้อสำหรับอาหารพุ่งไปอยู่ที่ 247% จึงมีการคาดการณ์ว่า ท่าเรือเบรุตซึ่งถูกทำลายราบราบ จะยิ่งส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของประเทศ เนื่องจากเลบานอนนำเข้าสินค้าเป็นส่วนใหญ่ และราคาจะยิ่งดันสูงขึ้นไปอีกจากวิกฤตนี้

ขณะที่ ชาวเลบานอนกำลังโกรธเคืองรัฐบาลจากการที่สารแอมโมเนียมไนเตรท 2,750 ตัน อยู่ในโกดังใกล้ตัวเมืองมานานถึงเกือบ 7 ปี โดยที่ไม่มีใครแก้ปัญหาดังกล่าว แม้รัฐบาลจะประกาศสอบสวนเหตุการณ์นี้และหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ แต่ประชาชนกลับรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ยิ่งบสะท้อนการบริหารงานที่ผิดพลาดและการเพิกเฉยของนักการเมืองที่สั่งสมมานานหลายปี

ประชาชนบางส่วนยังรู้สึกสิ้นหวัง ไม่คิดว่าจะได้รับความช่วยเหลือใดๆจากรัฐบาลและยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาซ่อมแซมหรือสร้างบ้านตัวเองที่เสียหายไปได้อย่างไร จากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ เพราะนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ธนาคารต่างๆของเลบานอนได้จำกัดจำนวนการเบิกถอนเงินสด และประชาชนมองว่ารัฐบาลไม่มีเงินแล้วนอกจากนี้ เหตุระเบิดยังทำให้ผู้คนราว 300,000 คน กลายเป็นคนไร้บ้านด้วย

ทั้งนี้ หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในปี 1990 เลบานอนได้สร้างประเทศขึ้นใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการเงินและวัฒนธรรมของตะวันออกกลาง หรือสวิสเซอร์แลนด์บนเมดิเตอร์เรเนียน โดยเป็นที่รวมตัวของนักการธนาคารเก่งๆ บุคลากรทำงานสายอาชีพมากมายและเปิดแหล่งบันเทิงไปถึงเช้า แต่ต่อมาการเมืองแบบแบ่งแยกนิกายของเลบานอนทำให้เกิดทางการทางการเมืองและการทุจริตในวงกว้างจนเป็นหนี้มหาศาลและยังมีโครงสร้างสาธารณูโภคที่ล้าสมัย ทำให้ประชาชนไม่พอใจและออกมาประท้วงต่อต้านนักการเมืองในปีที่แล้ว จนขับไล่นายกรัฐมนตรีออกไปได้ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ เงินเฟ้อพุ่ง ค่าเงินหายไป 80% อัตราการว่างงานพุ่ง ราคาสินค้าพุ่ง

คนเลบานอนจำนวนมาก ไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะช่วยพวกเขาจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ และกรณีระเบิดครั้งนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำความบิดเบี้ยวในกลไกการทำงานของรัฐบาล ที่พวกเขาเห็นและพยายามประท้วงต่อต้านนั่นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทำความรู้จัก "แอมโมเนียมไนเตรท" ต้นตอบึ้มมหาวินาศเบรุต

ทางการประกาศให้ ‘เบรุต’ เป็นเมืองภัยพิบัติหลังยอดตายแตะ 100 คน

เปิดนาทีระเบิดมรณะ ถล่มกลางเมืองหลวงเลบานอน

ประมวลภาพ ระเบิดครั้งใหญ่กลางเมืองหลวงเลบานอน

เกาะติดข่าวที่นี่