รีเซต

'จุรินทร์' รุก 4 ด้านกระตุ้นส่งออกปี65 เปรียบทีมฟุตบอลรัฐส่งลูกให้เอกชนยิงประตู!!

'จุรินทร์' รุก 4 ด้านกระตุ้นส่งออกปี65 เปรียบทีมฟุตบอลรัฐส่งลูกให้เอกชนยิงประตู!!
มติชน
22 กันยายน 2564 ( 11:44 )
45

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 22 กันยายน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายในงานสัมนาปลุกพลังส่งออก พลิกเศรษฐกิจไทย โดยกล่าวปาฐกถาพิเศษ ความหวัง ส่งออกไทย ในมรสุมโควิด จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์มติชน ว่า จากภาพรวมการส่งออกในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาซึ่งขยายตัว 16.20% หรือเติบโตกว่า 4 เท่า ทำให้เห็นว่าการส่งออกของไทยยังเป็นความหวังในการเดินหน้าของเศรษฐกิจ โดยหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ต้องใช้ยุทธศาสตร์ รัฐหนุน เอกชนนำ เพราะรัฐบาลต้องผลักดันให้เอกชนเป็นพระเอก ที่ถือเป็นกองหน้าในการหารายได้เข้าประเทศ ดังนั้น รัฐบาลต้องเป็นผู้สนับสนุนให้เอกชนไปหารายได้เข้าประเทศ รัฐไม่ควรทำตัวเป็นพระเอก เพราะเก่งไม่เท่าเอกชน เพราะเอกชนรู้เชิงลึกและเป็นพระเอกตัวจริง ต้องทำเหมือนเกมฟุตบอล ส่งลูกให้เอกชนยิงประตู นอกจากนี้ รัฐต้องไม่สร้างกฎเกณฑ์กติกามากจนส่งผลให้เอกชนไม่สามารถเดินหน้าธุรกิจได้

 

 

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า จากข้อกังวลดังกล่าว หลังจากที่ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จึงได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) โดยนำภาครัฐและเอกชนมาจับมือทำงาร่วมกัน และกำหนดยุทธศาสตร์แนวทางที่เป็นรูปธรรมในการส่งออก รวมถึงการแก้ปัญหา เพื่อให้สำเร็จลุล่วงในทุกเรื่องโดยเร็ว และเกิดผลกับตัวเลขการส่งออกในที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแก้ปัญหาร่วมกัน อาทิ การแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน และปัญหาเรื่องค่าระวางเรือ เป็นต้น จนเริ่มเห็นผลสำรวจ อย่างตู้คอนเทนเนอร์มีข่าวดีตอนนี้ปริมาณเริ่มเกินดุลแล้ว

 

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังมีนโยบายในการร่งรัดการส่งออกเชิงรุก 4 ด้านในช่วงที่เหลือของปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ได้แก่ 1.การทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับภาคเอกชน 2.การเดินหน้าทีมเชลส์แมนจังหวัด และทีเชลส์แมนประเทศ 3.ภาคเอกชนไทยต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์โลก และ 4.ภาคเอกชนต้องเร่งศึกษาและใช้ปะโยชน์จาก เขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)

 

 

“นอกจากนี้ ไทยจะต้องติดตามสถานการณ์ของต่างประเทศ เพราะจะฉายภาพให้เราเห็นว่าโลกไม่ได้แบ่งฝ่ายเฉพาะทางการเมืองแล้ว แต่ยังเอาเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศมามัดรวมกับการเมือง จึงจะแบ่งค่ายกัน ซึ่งเรื่องนี้คือประเด็นใหญ่ที่ประเทศไทย และภาคเอกชนต้องจับมือกันติดตามวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะได้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ว่าไทยจะต้องอยู่อยู่ฝั่งไหน ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าอย่างน้อยที่สุดไทยต้องจับมือกับประเทศอาเซียนให้ใกล้ชิด เพราะลำพังไทยตัวเล็กเกินไป ประเด็นนี้จึงเป็นการบ้านข้อใหญ่ในภาวะที่การเมืองมัดติดกับการค้าโลกอย่างที่ประเทศมหาอำนาจเขาทำกัน” นายจุรินทร์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง