รีเซต

ส่อง 4 หุ้นนอน-แบงก์ ชู TIDLOR เป็นหุ้นเด่น

ส่อง 4 หุ้นนอน-แบงก์  ชู TIDLOR เป็นหุ้นเด่น
ทันหุ้น
15 มกราคม 2565 ( 12:46 )
745
ส่อง 4 หุ้นนอน-แบงก์  ชู TIDLOR เป็นหุ้นเด่น

ทันหุ้น-บล.ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์หรือกลุ่มการเงิน ที่เป็นนอน-แบงก์ ซึ่งภาพรวมคาดว่ากำไรไตรมาส 4/64 จะมีการเติบโต เพราะได้แรงหนุนจาการกลับมาเปิดสาขา และเป็นฤดูกาลที่มีความต้องการสินเชื่อสูง โดยได้เลือกหุ้น TIDLOR เป็นหุ้น Top pick เนื่องจากแนวโน้มกำไรที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง 

 

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ประเมิน 4 หุ้นในกลุ่มที่ ดูแล ประกอบด้วย 

 

หุ้น TIDLOR แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 53 บาทต่อหุ้น คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ที่ 845 ล้านบาท เติบโต 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และโต 4% จากไตรมาส 3/64 เชื่อว่าสินเชื่อของ TIDLOR จะเติบโตในอัตราที่ดีที่ 15% โดยได้รับแรงหนุนจากความผ่อนคลายมาตรการ LTV โดย TIDLOR ปรับ LTV กลับเป็น 70% ปัจจัยหนุนอีกประการหนึ่งของ TIDLOR ในไตรมาส 4/64 คือธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่แข็งแกร่ง ผู้บริหารให้ข้อมูลว่า sales mix สำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ยังคงเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากแคปเปญส่งเสริมการขายใหม่ ซึ่งขยายการผ่อนชำระปลอดดอกเบี้ยจาก 6 เดือนเป็น 10 เดือน 

 

หุ้น MTC แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 73 บาทต่อหุ้น คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ที่ 1,340 ล้าบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาส 3/64 โดย MTC มีแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และคาดว่าสินเชื่อของ MTC จะเติบโต 26% ในไตรมาส 4/64 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อของผู้บริหารที่ 25-30% สำหรับในปี 2564 

 

การเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งน่าจะได้แรงหนุนจากการขยายสาขาสินเชื่อในเชิงรุกของบริษัท และอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจสำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ซึ่งอยู่ที่ 16% ในขณะที่ผลกระทบจากสงครามราคาในช่วงครึ่งแรกปี 2564 น่าจะมีผลกระทบเล็กน้อยในไตรมาส 4/64 เนื่องจากผู้บริหารให้ข้อมูลว่าการต่อสัญญาจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 80-90% ในไตรมาส 3/64 

 

หุ้น SAWAD แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 75 บาทต่อหุ้น คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/64 อยู่ที่ 1,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาส 3/64 โดย SAWAD กำลังดำเนินการปรับขนาดพอร์ตที่มีผลตอบแทนสูงลง ดำเนินการโดย Srisawad Finance (BFIT)ซึ่งเป็นบริษัท ผู้บริหารเปิดเผยว่าสาเหตุที่ปรับขนาดพอร์ตของ BFIT คือ BFIT กำลังเผชิญกับภาระหนักจากากรจัดทำโครงการบรรเทาหนี้ (DEP) ที่บังคับใช้ โดย ธปท.อย่างไรก็ตามในเชิงบวกโครงการปรับขนาดพอร์ต BFIT จะลดค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองของบริษัท และฝ่ายวิจัยคาดว่าจะมีการกลับค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองอีกในไตรมาส 4/64 

 

หุ้น KTC แนะนำขาย โดยคาดว่าไตรมาส 4/64 จะมีกำไรสุทธิ 1,407 ล้านบาท เติบโต 7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากข้อมูลของ ธปท. ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของอุตสาหกรรมใน 11 เดือนแรกของปี 2564 ดีขึ้น 26% โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการกลับมาเปิดสาขา และเป็นฤดูกาลที่มีความต้องการสินเชื่อสูง ผู้บริหารให้ข้อมูลว่าบริษัทจะบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษเกี่ยวกับการตัดจำหน่าย  (writing off) สินเชื่อของ KTB Leasing(ธุรกิจที่เข้าซื้อใหม่จากบริษัทแม่) ประมาณ 500-600 ล้านบาท ในไตรมาส 4/64 ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า า่ KTC น้ัน overpriced เนื่องจากราคาหุ้นซื้อขาย P/B ปี 2565 ที่ 5.0 เท่า(เทียบกับ P/B 2022F ที่ 3.7 เท่า ของอุตสาหกรรม) นอกจากนี้แนวโน้มกำไรของ KTC ยังน่าสนใจน้อยกว่าอุตสาหกรรม (KTC: 9.1% ปี 2564-2566 CAGR, อุตสาหกรรม 13.5% ปี 2564-2566 CAGR) 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง