หอการค้าเตือน "ทรัมป์ 2.0" ขึ้นภาษี 10% ฉุดส่งออกไทย สูญแสนล้านบาท

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงอยู่ที่ระดับ 56.7 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ยังมีความเสี่ยงว่าจะยังคงลดลงต่อเนื่อง จากปัจจัยต่าง ๆ
อีกทั้ง ยังต้องจับตาในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2568 เศรษฐกิจจะมีการซึมตัวหรือไม่ ภายหลังจากที่ ทรัมป์ 2.0 ได้มีการขยายการขึ้นภาษีตอบโต้ทุกประเทศโดยขยายออกไป 90% ดังนั้น การเก็บภาษีนำเข้าไทย 36% จะยังไม่มีผล โดยขณะนี้ ยังมีผลเฉพาะการประกาศขึ้นภาษี 10% เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า 10% หอการค้ามีการประเมินว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะอยู่ที่ 1-1.5 แสนล้านบาท กระทบต่อการจีดีพีไทย 0.7 - 0.9% ซึ่งเป็นการคาดการณ์ในเบื้องต้น เพราะว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด ยังต้องรอติดตามในช่วง 90 วันว่าสหรัฐจะดำเนินการอย่างไรอีกหรือไม่ รวมไปถึงการเดินหน้าเจรจาของไทย เพราะสหรัฐประกาศการขึ้นภาษีเพื่อตั้งใจให้มีการเจรจาต่อรอง เพราะโอกาสที่สหรัฐได้รับผลกระทบ หรือแรงกดดันภายในประเทศยังมี ทั้งเรื่องของเงินเฟ้อการว่างงานอยู่
อย่างไรก็ตาม กรอบเจรจายังมองว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นจะต้องมีการเก็บข้อมูลและหารือกับทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน เกษตรกร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบ โดยในช่วง 1-3 เดือนจากนี้ เพราะยอมรับว่าการขึ้นภาษีของสหรัฐในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกคิดเป็น 80% ของจีดีพีโลก เพียงแค่สหรัฐ ยุโรปและจีน ก็ถือว่าเป็นกลุ่มประเทศที่มีจีดีพีโลกถึง 70%
ส่วนในเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ การลดดอกเบี้ย การปล่อยสินเชื่อ การเสริมสภาพคล่อง ยังเป็นสิ่งจำเป็นของภาคธุรกิจ ทั้งนี้ จะประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นในทันทีก็อาจจะยังไม่ระบุตัวเลขที่ชัดเจนได้ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการประเมินเป็นระยะส่วนการส่งออกในปีนี้ยังมองว่าที่ 3% ส่วนการเติบโตของจีดีพีจะอยู่ในกรอบ 2-2.5% แต่ทั้งนี้ ก็จำเป็นจะต้องมีการประเมินอีกครั้ง รวมไปถึงการท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าเป้าที่ตั้งไว้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยประมาณ 38 ล้านคน มีโอกาสจะไม่ถึงจากผลกระทบที่เกิดขึ้น