รีเซต

ส.ว.มหรรณพ แนะปชช.อย่าลดการ์ดป้องกันโควิด ให้เข้มงวด จนกว่ายอดผู้ติดเชื้อเป็น 0

ส.ว.มหรรณพ แนะปชช.อย่าลดการ์ดป้องกันโควิด ให้เข้มงวด จนกว่ายอดผู้ติดเชื้อเป็น 0
มติชน
3 พฤษภาคม 2563 ( 14:55 )
125

ส.ว.มหรรณพ แนะปชช.อย่าลดการ์ดป้องกันโควิด ให้เข้มงวด จนกว่ายอดผู้ติดเชื้อเป็น 0

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม มีรายงานว่า นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้อยู่ในแนวโน้มที่ดี มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยลงต่อเนื่องอย่างมีนัยยะสำคัญต่ำกว่า 10 คนต่อวัน

รัฐบาลจึงเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีเงื่อนไข แต่จากการสังเกตุพบว่าได้มีประชาชนออกจากบ้านไปทำกิจกรรมภายนอกมากขึ้น และบางคนก็ขาดความระมัดระวังตนเอง แม้กระทั่งในวันวิสาขบูชาอันเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาก็ยังได้มีมาตรการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยและมาตรการอื่น ๆ อย่างเข้มงวด หากประชาชนไม่เข้มงวดในการดูแลรักษาตนเอง อาจส่งผลกระทบเกิดการแพร่ระบาดระรอกที่สองขึ้นได้

นายมหรรณพ กล่าวเทียบเคียงกับการระบาดทั่วโลกของไข้หวัดใหญ่สเปนในช่วงปี ค.ศ. 1918 ชาวโลกที่ติดเชื้อครั้งนั้นมีมากถึง 500 ล้านคนและต้องสังเวยชีวิตไปถึง 50 ล้านคน การระบาดเกิดขึ้นสามระรอก ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในการระบาดระรอกที่สอง เนื่องจากประชาชนเบื่อหน่ายกับมาตรการการกักตัว และการอยู่ห่างๆ กัน ภายหลังการระบาดระรอกแรกผ่านไป ผู้คนพากันออกจากบ้านมาใช้ชีวิตกันตามปกติ แต่ภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา การระบาดระรอกที่สอง ซึ่งใหญ่กว่าการระบาดระรอกแรก เป็นเหตุให้เกิดการเสียชีวิตมากมายกว่า 50 ล้านคน

นอกจากนั้นแม้ในปัจจุบันจะเห็นได้จากหลายๆ ประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ประเทศในแถบยุโรป และสหรัฐอเมริกา ได้ผ่อนปรนมาตรการล็อคดาว์นและประชาชนไม่ป้องกันตนเอง ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นนับล้านคน และเสียชีวิตนับหมื่นนับแสนคนซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

“ผมอยากจะสื่อสารไปถึงประชาชนคนไทยทุกคนให้เข้มงวดในการควบคุมตนเองตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ร่วมมือร่วมใจกันเหมือนดังเช่นเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา เว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือเป็นประจำ ไม่ออกไปนอกบ้านโดยไม่จำเป็น ลดความเสี่ยงในการนำเชื้อกลับมาสู่คนในครอบครัวซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง”

นายมหรรณพกล่าวย้ำว่าสงครามโรคครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด พวกเรายังคงต้องต่อสู้กับมันไปจนกว่าการแพร่ระบาดจะหยุดลงหรือเป็น 0 หรือเมื่อคนไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่ถึง 60% ของประชากร หรือเมื่อมีวัคซีนในการป้องกันเชื้อไวรัสนี้ได้แล้ว เราทุกคนถึงจะผ่อนคลายความเข้มงวดในมาตรการต่างๆลงได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง