รีเซต

สหรัฐฯ ยึด Bitcoin มูลค่าสูงที่สุดประวัติศาสตร์ 547,500 ล้านบาท คาดของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ชาวจีนในกัมพูชา

สหรัฐฯ ยึด Bitcoin มูลค่าสูงที่สุดประวัติศาสตร์ 547,500 ล้านบาท คาดของเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ชาวจีนในกัมพูชา
TNN ช่อง16
15 ตุลาคม 2568 ( 22:59 )
29

วันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้ประกาศปฏิบัติการยึด Bitcoin ครั้งใหญ่เพื่อจัดการกับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (TCO) ในกัมพูชา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลในระดับอุตสาหกรรม

มาตรการครั้งประวัติศาสตร์นี้ประกอบด้วยการยึดทรัพย์ การคว่ำบาตร และการดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ได้ยึด Bitcoin จำนวนประมาณ 127,271 บิทคอยน์ ซึ่งมีมูลค่ารวมเกือบ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 547,500 ล้านบาท นับเป็นการดำเนินการยึดทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ

เป้าหมายหลักเครือข่าย Prince Group

การดำเนินการนี้มุ่งเป้าไปที่เครือข่าย Prince Group Transnational Criminal Organization (TCO) และบุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 146 ราย โดยมี นายเฉิน จือ (Chen Zhi) หรือที่รู้จักในชื่อ วินเซนต์ (Vincent) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่ม Prince Holding Group ในประเทศกัมพูชา เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการอาชญากรรมทั้งหมด

กลุ่ม Prince Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในกัมพูชาที่ทำธุรกิจหลากหลาย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และความบันเทิง ถูกกล่าวหาว่าใช้บริษัทเหล่านี้เป็นฉากหน้าในการอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินและการฉ้อโกง

ข้อหาทางอาญา โดย DOJ ได้เปิดเผยคำฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในบรุกลิน โดยตั้งข้อหานายเฉิน จือ ในความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงทางโทรเลขและสมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงิน โดยระบุว่าเขาเป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานของศูนย์ฉ้อโกงที่ใช้แรงงานบังคับในกัมพูชา

สถานะปัจจุบันของนายเฉิน จือ ยังคงหลบหนีอยู่ แต่หากถูกจับกุมและถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาอาจเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี

การยึดทรัพย์ ทาง DOJ ได้ยื่นคำร้องทางแพ่งเพื่อยึด Bitcoin มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลประโยชน์และเครื่องมือในการฉ้อโกงและฟอกเงิน กองทุนเหล่านี้ซึ่งมีจำนวน 127,271 BTC ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว

การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ 

หน่วยงานทางการเงินของทั้งสองประเทศได้ดำเนินการคว่ำบาตร เริ่มจากสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ (OFAC) ได้กำหนดให้ Prince Group เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และคว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 146 ราย รวมถึงการเพิ่ม สี่ที่อยู่ Bitcoin หลักที่ควบคุมโดยนายเฉิน จือ ซึ่งรวบรวม Bitcoin มูลค่ากว่า 1.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 64,605 ล้านบาท ในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา เข้าไปในรายชื่อ Specially Designated Nationals (SDN)

เครือข่ายทางการเงินที่สำคัญอย่าง Huione Group ถูกเครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) กำหนดให้เป็นองค์กรที่มีความกังวลหลักด้านการฟอกเงินภายใต้มาตรา 311 ของ USA PATRIOT Act การกำหนดนี้มีผลทำให้ Huione Group ถูกตัดขาดจากระบบการเงินของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ Huione Group ถูกระบุว่าอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมที่น่าสงสัยมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 146,000 ล้านบาท ในช่วงสี่ปีครึ่งที่ผ่านมา Huione ได้ประมวลผลกระแสเงินคริปโตเข้าสู่ระบบรวมกว่า 98,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,577,000 ล้านบาท

สำนักงานมาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน (OFSI) ของสหราชอาณาจักร ได้คว่ำบาตร Byex Exchange ซึ่งเชื่อมโยงกับ Prince Group และ Jin Bei Group พร้อมทั้งสั่งอายัดทรัพย์สินและห้ามการเดินทางต่อนายเฉิน จือ ภรรยาของเขา (Sumi Zhi) และบริษัทในเครือ รวมถึงการยึด คฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในนอร์ทลอนดอน

FBI สหรัฐอเมริกายึด Bitcoin ได้อย่างไร ?

สหรัฐอเมริกาสามารถยึด Bitcoin ไม่ได้มาจากการแฮ็กระบบโดยเจ้าหน้าที่ แต่มาจากการใช้การสืบสวนผสมผสานกับอำนาจทางกฎหมายแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถอธิบายขั้นตอนง่าย ๆ ได้ดังนี้ 

1. หัวใจของ Bitcoin คือ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งทำงานเหมือนกับสมุดบัญชีที่ทุกคนในระบบมีสำเนาของสมุดเล่มนี้เอาไว้ และทุกการโอนเงินจะถูกจดลงไปในสมุดของทุกคนพร้อมกัน และเมื่อจดแล้วก็ไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ นั่นหมายความว่าธุรกรรมของ Bitcoin ทั้งหมดจึงถูกเปิดโปงเป็นสาธารณะอยู่ตลอดเวลาทำให้ถูกตรวจสอบและค้นหาการทำธุรกรรมได้ตลอดเวลา

2. แม้ว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยจะพยายามซ่อนการทำธุรกรรมทางการเงินโดยใช้คริปโตมิกเซอร์ (Crypto Mixer) หรือเครื่องฟอกเงินดิจิทัล ซึ่งทำหน้าที่คล้ายโปรแกรมที่สลับและลบล้างข้อมูลจนยากที่จะตามหาพบได้ว่าธุรกรรมที่เกิดขึ้นมาจากแหล่งใด อย่างไรก็ตาม FBI ก็สามารถตามเจอบุคคลผู้ต้องสงสัยจากการทำธุรกรรม Bitcoin ที่ต้องแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดอลลาร์ผ่านตลาดซื้อขายเงินดิจิทัล (Exchange)

3. เมื่อได้ข้อมูลผู้ต้องสงสัยจาก Exchange ก็ทำการสืบสวนเข้าจับกุมตัวบุคคลพร้อมกับค้นหากระเป๋าเงิน Wallet ซึ่งมักถูกใช้เก็บ Bitcoin จำนวนมาก โดยกระเป๋าเงิน Wallet นี้มีลักษณะการทำงานที่ตัดออกจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นจึงดำเนินการสอบสวนเพื่อหารหัสผ่าน Seed Phrase จำนวน 12-24 คำ เพื่อใช้เปิดกระเป๋าเงิน Wallet ดังกล่าว และสามารถควบคุมกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นได้จากทุกที่ในโลก

อาชญากรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Crypto 

ในรายงานระบุว่าอาชญากรรมเหล่านี้มีศูนย์กลางอยู่ที่การใช้สกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "กลโกงหลอกเชือดหมู" (Pig butchering scams) ซึ่งเป็นแผนการฉ้อโกงออนไลน์ขนาดใหญ่ที่หลอกเหยื่อให้เชื่อใจก่อนจะชักชวนให้ลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโตปลอม

รวมไปถึงเครือข่ายอาชญากรรมนี้ใช้ศูนย์ฉ้อโกงในกัมพูชา เมียนมา และลาว เพื่อบังคับใช้แรงงานทาส โดยเหยื่อที่ถูกกักขังไว้ในสถานที่เหล่านี้ถูกบังคับให้ดำเนินการหลอกลวง รายงานระบุว่าศูนย์เหล่านี้ถูกเฝ้าโดยเจ้าหน้าที่ติดอาวุธ และมีการทำร้ายร่างกายหรือขายเหยื่อระหว่างศูนย์หากมีการขัดขืน

นอกจากนี้ เครือข่ายยังดำเนินการขุด Bitcoin ในลาวผ่าน Warp Data Technology ซึ่งส่ง Bitcoin จำนวนมากไปยังกระเป๋าเงินของนายเฉิน จือ

เชื่อว่าปัจจุบันมีพลเมืองอเมริกันสูญเสียเงินให้กับขบวนการสแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 325,723 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อน

แม้ว่ากลุ่ม Prince Holding Group จะพยายามปฏิเสธความเกี่ยวข้อง แต่เอกสารสาธารณะยืนยันว่าบริษัทเป็นเจ้าของ Jin Bei Casino ซึ่งเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางอาญาหลายอย่าง รวมถึงการกรรโชก การใช้แรงงานบังคับ และคดีฆาตกรรมพลเมืองจีนในปี 2566

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การดำเนินการร่วมกันของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพื่อต่อต้านกลุ่มอาชญากรข้ามชาติสัญชาติจีนที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ทางกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ย้ำว่าความร่วมมือนี้เป็นแบบจำลองใหม่ในการบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติเพื่อรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมที่ผสานการค้ามนุษย์ การฉ้อโกงดิจิทัล และการฟอกเงินเข้าด้วยกัน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง