รีเซต

แหล่งข่าวใน ByteDance เปิดใจ TikTok ถูกแบน ยังดีซะกว่าขายให้สหรัฐฯ

แหล่งข่าวใน ByteDance เปิดใจ TikTok ถูกแบน ยังดีซะกว่าขายให้สหรัฐฯ
TNN ช่อง16
26 เมษายน 2567 ( 12:53 )
24
แหล่งข่าวใน ByteDance เปิดใจ TikTok ถูกแบน ยังดีซะกว่าขายให้สหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวกรณีสหรัฐฯ บังคับให้ติ๊กต่อก (TikTok) แพลตฟอร์มคลิปสั้นแนวตั้งชื่อดัง ขายกิจการในสหรัฐฯ เนื่องจากกังวลว่าแอปพลิเคชันที่มีบริษัทอยู่ในประเทศจีน จะเข้าถึงข้อมูลและสอดแนมความเป็นส่วนของชาวอเมริกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความมั่นคงประเทศ


ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) ได้เผยรายงานพิเศษ หลังจากได้สัมภาษณ์แหล่งข่าวที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อจำนวน 4 คน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok กล่าวถึงกรณีหากแพ้คดีในกระบวนการชั้นศาล ว่าต้องการให้บริษัทปิดตัวลงในสหรัฐฯ มากกว่าขายกิจการให้กับชาวอเมริกัน 


โดยหนึ่งในสาเหตุที่ไม่ต้องการขาย เนื่องจากมองว่า จุดเด่นของ TikTok คืออัลกอริธึมที่ไบต์แดนซ์พัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งเป็นอัลกอริธึมเดียวกับที่โต่วอิน (Douyin) แอปพลิเคชันคล้าย TikTok ที่ให้บริการในประเทศจีน และอัลกอริธึมนี้ดีกว่าคู่แข่งอย่างเทนเซนส์ (Tencent) และเสี่ยวหงซู (Xiaohongshu) ซึ่งแหล่งข่าวย้ำกับรอยเตอร์สว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะขาย TikTok ติดไปกับอัลกอริธึม เนื่องจากใบอนุญาตทรัพย์สินทางปัญญาของพวกเขาได้รับการจดทะเบียนภายใต้ ByteDance ในประเทศจีน 


ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงข้อมูลที่แหล่งข่าวเปิดเผยรอยเตอร์สเท่านั้น ส่วนความเคลื่อนไหวของไบต์แดนซ์ ได้ปฏิเสธการให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากคำสัมภาษณ์ดังกล่าว แต่ได้โพสต์ข้อมูลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในประเทศจีนอย่าง โถเถียว (Toutiao) ว่าไม่มีแผนที่จะขาย TikTok แต่อย่างใด เพื่อเป็นการตอบโต้สำนักข่าว ดิอินฟอร์เมชัน (The Information) ที่รายงานว่า ByteDance กำลังพิจารณาทางเลือกในการขายแอป TikTok โดยไม่ขายอัลกอริธึมด้วยให้กับเจ้าของชาวสหรัฐฯ


ความเคลื่อนไหวนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่วุฒิสภาของสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายให้ TikTok ขายกิจการในสหรัฐฯ รวมถึง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามรับรองกฎหมายดังกล่าวแล้วเรียบร้อย ซึ่งมีผลบังคับใช้ภายใน 270 วัน ซึ่ง นายโจว ซี่ ชิว (Shou Zi Chew) CEO ของ TikTok ยืนกรานที่จะสู้ต่อในชั้นศาล เพื่อให้ผู้ใช้ TikTok ในอเมริกากว่า 170 ล้านคนได้ใช้งานแอปคลิปสั้นแนวตั้งนี้ต่อไป 


ที่มาข้อมูล Reuters

ที่มารูปภาพ Reuters

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง