วัคซีนพาสปอร์ตอาจทำโลกแบ่งแยก เมื่อฉีดวัคซีนจีน เดินทางไปสหรัฐ-ยุโรปไม่ได้!
Editor’s Pick: นานาประเทศเริ่มทยอยเปิดการเดินทางไปมาหาสู่กันแล้ว แต่การเดินทางอาจไม่ง่ายนัก เพราะนักเดินทางอาจต้องเลือกว่าจะเข้ารับการฉีดวัคซีนตัวใด ที่จะทำให้พวกเขาเดินทางได้อิสระมากขึ้น และนั่นส่งผลกระทบต่อวัคซีนที่ผลิตโดยจีน ซึ่งชาติตะวันตกยักษ์ใหญ่ยังไม่อนุมัติการใช้งานในประเทศ
ต้องเลือกฉีดวัคซีนให้ดี...ถ้าจะเดินทาง
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เมื่อการเดินทางทั่วโลกเปิดอีกครั้ง หลายคนอาจต้องตัดสินใจว่าจะเลือกรับวัคซีนต้านโควิด-19 ตัวใด
ยกกรณีตัวอย่างของ มารี เฉิง พลเมืองฮ่องกง ที่ต้องเดินทางไปทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นประจำ ในขณะที่ฮ่องกงมีวัคซีนที่ได้รับการอนุมติแล้วเพียงสองขนาน คือ Sinovac และ Pfizer
แต่การที่เธอต้องเดินทางเข้าออกจีนแผ่นใหญ่เป็นประจำ เธอจึงตัดสินใจว่าจะรับวัคซีนของ Sinovac ในขณะที่สามีชาวสหราชอาณาจักรตัดสินใจว่าจะรับวัคซีนของ Pfizer เพื่อจะได้เดินทางกลับสหราชอาณาจักรได้สะดวก
ทั้งนี้ ทั่วโลกกำลังเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชน แต่ละชาติมีการอนุมัติวัคซีนที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดความกังวลว่า ผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนควรจะเข้ารับวัคซีนตัวไหน เพื่อให้สามารถเดินทางเข้าออกประเทศปลายทางที่ตนเองต้องไปทำงาน หรือไปเยือนได้
ฉีดวัคซีนจีน ไปยุโรปไม่ได้
ตัวอย่างเห็นได้จาก คณะกรรมาธิการยุโรปเพิ่งประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (25 เมษายน) ว่า จะอนุญาตให้ชาวอเมริกันที่รับวัคซีนตัวเดียวกับที่มีการอนุมัติใน EU สามารถเดินทางเข้าประเทศใน EU ได้
ในฝั่งของจีน ทางการได้อนุมัติวัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทของจีนเท่านั้น ในขณะที่วัคซีนของจีนเอง ยังไม่ได้รับการอนุมัติการใช้งานในยุโรปตะวันตกและสหรัฐฯ
นั่นจึงหมายความว่า พลเมืองจีนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ และชาวตะวันตกที่ต้องการทำธุรกิจในจีน กำลังตกที่นั่งลำบากว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะเข้าประเทศเหล่านั้นได้ นอกจากนี้ ยังมีประชากรอีกจำนวนมาก ที่ไม่สามารถเลือกได้ด้วยซ้ำว่าต้องการรับวัคซีนตัวไหน
ชาตินิยมวัคซีน...แบ่งแยกโลก
นิโคลัส โธมัส นักวิชาการด้านความมั่นคงสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกง กล่าวว่า การแบ่งแยกโลกจากการฉีดวัคซีนนี้ จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง และส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมือง นอกจากนี้ยังเสี่ยงที่โลกจะแบ่งแยกบนพื้นฐานของชาตินิยมวัคซีน มากกว่าการคำนึงถึงความจำเป็นทางการแพทย์
ทั้งนี้ รัฐบาลชาติต่าง ๆ ตั้งแต่จีนไปจนถึงยุโรป กำลังหารือเรื่องวัคซีนพาสปอร์ต แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า ชาติเหล่านี้จะเดินหน้ารับรองวัคซีนทุกขนานร่วมกันหรือไม่ หรือจะเลือกรับรองวัคซีนเฉพาะตัวที่ต้องการรับรอง
นอกจากนี้ และยังมีปัจจัยเรื่องของไวรัสที่มีหลากหลายสายพันธุ์ จนมีการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ ว่าจะมีประสิทธิภาพต้านพอหรือไม่
สำหรับจีน ได้ผ่อนคลายกฎการเข้าประเทศสำหรับชาวต่างชาติ ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนของจีนตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งวัคซีนของจีนนั้นมีการส่งออกไปหลายประเทศทั้งใน เอเชีย ไปจนถึงบราซิลและเซอร์เบีย แต่วัคซีนของจีนนั้นยังไม่มีในสหรัฐฯ หรือยุโรปตะวันตก
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจหากตั้งข้อจำกัดเรื่องวัคซีนมากเกินไป โดยสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ระบุว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นักเดินทางที่รับวัคซีนของชาติตะวันตกจะสามารถเข้าจีนได้ แต่ต้องเป็นการเดินทางที่ออกจากเมืองดัลลัส ในรัฐเท็กซัสเท่านั้น ส่วนสื่อของทางการจีนเองรายงานว่า ในกลางปีนี้ มีแนวโน้มที่จีนจะอนุมัติวัคซีนของ Pfizer
ภูมิรัฐศาสตร์การเมือง (วัคซีน)
เคอร์ กิบส์ ประธานหอการค้าอเมริกันในนครเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือการที่ชุมชนฉีดวัคซีนในอัตราที่สูง และสิ่งที่ดีที่สุดคือมีตัวเลือกให้ด้วย ดังนั้น การตั้งข้อจำกัดของจีน จึงมีผลต่อศักยภาพในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะสมาชิกของหอการค้าที่ต้องเดินทางเข้าออกจีน รวมไปถึงสมาชิกครอบครัวที่ต้องเดินทางไปมา
นอกจากนี้ จีนยังไม่ใช่ประเทศเดียวที่มีข้อจำกัดต่อการเดินทางของคนที่ฉีดวัคซีนบางขนาน ยังมีประเทศอื่นอีก เช่น ไอซ์แลนด์ ที่ไม่รับรองทั้งวัคซีนจากจีนและรัสเซีย ทำให้ผู้ที่รับวัคซีนดังกล่าวไม่สามารถเดินทางเข้าไอซ์แลนด์ได้
เอเธอร์ หยิน จากบริษัทที่ปรึกษา Trivium China ระบุว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าประเทศตะวันตกจะรับรองวัคซีนของจีนในการใช้งานจริงอย่างไร หากดูจากบรรยากาศทางภูมิรัฐศาสตร์การเมืองขณะนี้ แต่การเดินทางของโลกหรือเศรษฐกิจโลกจะไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อย่างแท้จริง หากไม่มีจีน รวมถึงอีกหลายประเทศที่ใช้วัคซีนของจีนรวมอยู่ด้วย