รีเซต

ทำไม ‘กระบี่’ แล้งซ้ำซาก? สาเหตุมาจากอะไร? ข้อจำกัดภูมิประเทศ หรือ ความต้องการใช้มากถึง 2 เท่า

ทำไม ‘กระบี่’ แล้งซ้ำซาก? สาเหตุมาจากอะไร? ข้อจำกัดภูมิประเทศ หรือ ความต้องการใช้มากถึง 2 เท่า
TNN ช่อง16
6 พฤษภาคม 2567 ( 12:25 )
47
ทำไม ‘กระบี่’ แล้งซ้ำซาก? สาเหตุมาจากอะไร? ข้อจำกัดภูมิประเทศ หรือ ความต้องการใช้มากถึง 2 เท่า

เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำอย่างหนัก จากปัญหาภัยแล้ง ที่ทำให้แหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาขนาดกว่า 5 ไร่บนภูเขาแห้งขอด ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำประปาต้องหยุดจ่ายน้ำตั้งแต่วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ร้านค้า และประชาชนบนเกาะที่ไม่มีบ่อน้ำบาดาลเป็นของตนเอง ต่างได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคอย่างหนัก 


วิกฤตการณ์ในครั้งนี้ ได้สร้างผลกระทบอย่างมากต่อการท่องเที่ยวของเกาะพีพี เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ยกเลิกการจองห้องพักและโปรแกรมท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการต้องซื้อน้ำจากบนฝั่งมาใช้ในราคาแพง และหากสถานการณ์ยังไม่ได้รับการแก้ไข หลายรายอาจจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว 



ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.กระบี่ จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือจากจังหวัดแบบเร่งด่วน ซึ่งมีแนวทางในการขนส่งน้ำจากภูเก็ตมายังเกาะพีพีโดยเรือของกองทัพเรือหรือเรือเอกชน แต่ก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น หากฝนยังไม่ตก สถานการณ์คงยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ 


ภูมิประเทศขวางกั้น กระบี่ขาดแคลนน้ำซ้ำซาก 


จังหวัดกระบี่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเกือบทุกปี เนื่องจากข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อมของจังหวัดเอง โดยข้อมูลจากแผนพัฒนาจังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2561-2565 ฉบับทบทวน ปี พ.ศ. 2565 ระบุว่า ประมาณ 53.33% ของพื้นที่จังหวัดเป็นภูเขาสลับซับซ้อน ลาดเอียงลงสู่ทะเล มีที่ราบน้อยและกระจัดกระจาย ทำให้ขาดแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ น้ำฝนส่วนใหญ่จึงไหลลงสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว แม้ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 30 ปี (พ.ศ.2524-2553) จะอยู่ที่ 2,241.8 มิลลิเมตรต่อปี ตามสถิติของกรมอุตุนิยมวิทยา แต่ศักยภาพในการเก็บกักน้ำมีเพียง 20% เท่านั้น รวมถึงการกระจายตัวของฝนไม่สม่ำเสมอ ทำให้หน้าแล้งของกระบี่ยาวนานถึง 7 เดือน จึงมักเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำเป็นประจำ 


ปริมาณความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วนในกระบี่สูงรวมกันถึงปีละ 777 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามการศึกษาของกรมชลประทาน เรื่อง แผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ของจังหวัดกระบี่ โดยแบ่งเป็นภาคเกษตรกรรมมากที่สุดถึง 64% ที่เหลือเป็นการอุปโภคบริโภค 32% และอุตสาหกรรม 4% หากเทียบกับปริมาณน้ำต้นทุนเพียง 375 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี 


จะเห็นได้ว่าไม่เพียงพออย่างมาก ยิ่งในฤดูแล้งที่น้ำต้นทุนลดลงกว่าครึ่ง การแย่งชิงน้ำระหว่างภาคส่วนต่างๆ ย่อมทวีความรุนแรง โดยเฉพาะ ในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญเช่น เกาะพีพี ที่มีความต้องการน้ำอุปโภคบริโภคสูงมาก เฉลี่ยวันละ 216 ลิตรต่อคน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 180 ลิตรต่อคนต่อวัน ตามข้อมูลของการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค ทำให้เกิดความขาดแคลนน้ำอย่างหนัก และกลายเป็นวิกฤตที่ส่งผลเสียต่อการท่องเที่ยวซ้ำซากมาโดยตลอด 



กระบี่ซ้ำรอยเดิม ภัยแล้งคุกคาม ท่องเที่ยวสะเทือน 


ภัยแล้งในจังหวัดกระบี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากมาอย่างยาวนาน โดยในอดีตมีรายงานความเดือดร้อนจากภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านและการท่องเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง 


ย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 อำเภออ่าวนางต้องแจกน้ำฟรีเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนบนเกาะพีพีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ น้ำเริ่มขาดแคลน ผู้ประกอบการและชาวบ้านต้องซื้อน้ำในราคาสูงถึงคิวละ 200-400 บาท 


ขณะที่ในปี 2559 เกิดภัยแล้งหนักจนแหล่งน้ำตามธรรมชาติแห้งขอดในหลายพื้นที่ของอำเภอเมืองกระบี่ ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือน ต้องอาศัยรถบรรทุกน้ำของเทศบาลไปแจกจ่าย 





นอกจากนี้ ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระบุว่า ในปี 2559 มีพื้นที่ประสบภัยแล้งใน จ.กระบี่ถึง 8 อำเภอ กว่า 50 หมู่บ้าน ซึ่งต้องอาศัยความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ในการแจกจ่ายน้ำแก่ประชาชน ผลกระทบจากภัยแล้งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง นอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแล้ว ยังส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของ จ.กระบี่อีกด้วย โดยเฉพาะบนเกาะพีพีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เมื่อเกิดการขาดแคลนน้ำ ผู้ประกอบการโรงแรมและร้านค้าต่างๆ ต้องซื้อน้ำในราคาแพงมาให้บริการ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น บางแห่งอาจต้องปิดกิจการชั่วคราวหากสถานการณ์รุนแรง ซึ่งจะกระทบต่อรายได้และการจ้างงานในพื้นที่เป็นวงกว้าง 


อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ผ่านมายังไม่พบตัวเลขชัดเจนว่ามีผู้ประกอบการจำนวนเท่าไร ที่ต้องปิดกิจการจากภัยแล้ง ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการซื้อน้ำมาให้บริการเพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ ควบคู่ไปกับการให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการประหยัดน้ำ รวมถึงหาแนวทางสำรองน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการ เช่น การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล เป็นต้น 




ภัยแล้งคุกคาม ท่องเที่ยวสะเทือน ทางแก้ไขระยะยาวคืออะไร? 


โดยสรุป ภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำเป็นปัญหาเรื้อรังของจังหวัดกระบี่ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและการท่องเที่ยวมาอย่างยาวนาน แม้จะมีความพยายามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยการแจกจ่ายน้ำและซื้อน้ำมาใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน 


ดังนั้น ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังทั้งในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต และสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของจังหวัดกระบี่ต่อไป




เรียบเรียง ยศไกร รัตนบรรเทิง บรรณาธิการ TNN 
ภาพ ผู้สื่อข่าว จ.กระบี่ 




อ้างอิง ที่มาข้อมูล 

- ข้อมูลภูมิประเทศและปริมาณน้ำฝนของจังหวัดกระบี่ อ้างอิงจากรายงานแผนพัฒนาจังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2561 - 2565 ฉบับทบทวน ปี พ.ศ. 2565 โดยสำนักงานจังหวัดกระบี่ 

- ปริมาณความต้องการใช้น้ำของภาคส่วนต่างๆ และปริมาณน้ำต้นทุนของกระบี่ มาจากการศึกษาของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

เรื่อง แผนหลักการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) ของจังหวัดกระบี่ 

- สถิติการใช้น้ำอุปโภคบริโภคเฉลี่ยของเกาะพีพี เทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศ อ้างอิงจากข้อมูลของการประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาค 

http://old.industry.go.th/krabi/index.php/2017-05-18-07-14-31/2560-2564/1-1/338-1/file 

แผนการพัฒนาการชลประทานระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561 ถึงพ.ศ.2580)
- แผนพัฒนาจังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2561-2565 ฉบับทบทวนรอบปี พ.ศ. 2565 https://dl.parliament.go.th/handle/20.500.13072/588982



ข่าวที่เกี่ยวข้อง