รีเซต

แผ่นดินไหวรายวัน หรือ สัญญาณบางอย่าง? แรงแค่ไหน ค่อยตื่นเต้น?

แผ่นดินไหวรายวัน หรือ สัญญาณบางอย่าง? แรงแค่ไหน ค่อยตื่นเต้น?
TNN ช่อง16
14 เมษายน 2568 ( 21:05 )
21

จากแรงสั่นสะเทือนกลางกรุงถึงใต้ลึกและภาคตะวันตก — กรุงเทพฯ กระบี่ กาญจนบุรี เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องในเวลาไม่กี่วัน ผู้เชี่ยวชาญย้ำ “ไม่ควรวิตก” แต่ควรรู้เท่าทันเพื่อรับมือ

จากตึกสั่นในกรุงเทพฯ ถึงแรงสะเทือนใต้ดินกระบี่-กาญจน์

ประเทศไทยเผชิญแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวถี่ขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน 2568 เริ่มจากเหตุการณ์ที่ ชาวกรุงเทพฯ หลายพื้นที่รู้สึกถึงแรงสั่น แม้ไม่มีแผ่นดินไหวในเขต กทม. โดยตรง แต่แรงสะเทือนจาก แผ่นดินไหวขนาด 4.4 ในเมียนมา เมื่อ 4 เมษายน 2568 ส่งอิทธิพลถึงตึกสูงในไทยจนเกิดอาการ “เวียนหัว – บ้านสั่น – คอนโดสั่น” ทั่วโซเชียล


ถัดมาเพียง 10 วัน ในวันที่ 14 เมษายน 2568 เกิด แผ่นดินไหวในจังหวัดกระบี่ ขนาด 3.5 แมกนิจูด ลึกเพียง 2 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลคลองเขม้า อำเภอเหนือคลอง ชาวบ้านรู้สึกได้จริง และมีการอพยพออกนอกอาคารชั่วคราว แม้ยังไม่พบความเสียหาย

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน วันเดียวกันนั้นเอง เวลา 19.52 น. กรมอุตุนิยมวิทยารายงาน แผ่นดินไหวขนาด 2.4 แมกนิจูด ที่อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ลึกเพียง 1 กิโลเมตร แม้แรงสั่นจะเบามากและไม่มีรายงานผลกระทบ แต่การเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 พื้นที่ภายในเวลาใกล้กัน ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถาม

แผ่นดินไหวทุกวัน แรงแค่ไหนถึงควรกังวล?

หนึ่งในเสียงวิชาการที่ได้รับความเชื่อถือจากสังคมไทยเสมอเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว คือ ศาสตราจารย์ ดร.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ก่อตั้งเพจ "มิตรเอิร์ธ" ที่ทำหน้าที่สื่อสารความรู้ทางธรณีวิทยาแก่สาธารณชนอย่างตรงไปตรงมา

ศ.ดร.สันติ อธิบายอย่างชัดเจนว่า “แผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกวัน” โดยเฉพาะในระดับเล็กที่ขนาดต่ำกว่า 4.0 แมกนิจูด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน เพราะเป็นแรงสั่นสะเทือนตามธรรมชาติของโลกที่มีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา

“ในประเทศไทย ถ้าไม่ถึงขนาด 4.0 เรามองผ่านๆ ก็พอครับ ถ้าสูงกว่านั้นค่อยจับตา และถ้าเป็นแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ขึ้นไปในเพื่อนบ้าน หรือ 7.0 ทั่วโลก ก็ค่อยดูว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดสึนามิหรือไม่”

คำแนะนำของ ศ.ดร.สันติ ช่วยให้ประชาชน แยกแยะได้อย่างมีเหตุผล ว่าแผ่นดินไหวระดับใดที่ควรจับตา และระดับใดที่ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะการตกใจทุกครั้งกับแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยอาจกลายเป็นการ "เสพความเครียดซ้ำซ้อน" ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เรารับมือกับภัยพิบัติได้ดีขึ้น

ศ.ดร.สันติยังเสนอ “หลักวัดระดับความเสี่ยง” ไว้อย่างเป็นรูปธรรมว่า

4.0 แมกนิจูดขึ้นไปในประเทศไทย = เริ่มจับตา เพราะอาจสร้างผลกระทบเบื้องต้น เช่น ผนังแตกร้าว หรือสิ่งของในบ้านสั่นไหว

6.0 แมกนิจูดขึ้นไปในประเทศเพื่อนบ้าน = อาจส่งแรงสั่นสะเทือนมายังไทย โดยเฉพาะภาคเหนือหรือภาคตะวันตก

7.0 แมกนิจูดขึ้นไปในภูมิภาคอื่นของโลก = ต้องพิจารณาตำแหน่ง หากอยู่ในมหาสมุทร อาจต้องเฝ้าระวังการเกิด “คลื่นสึนามิ”

อย่ากังวลเกินเหตุ แต่ไม่ประมาท

สิ่งสำคัญที่ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยารายนี้ต้องการสื่อคือ “ความไม่ตื่นตระหนกโดยไม่มีข้อมูล” พร้อมย้ำว่า แผ่นดินไหวระดับเล็กที่ไม่ถึงเกณฑ์พิบัติภัย ควรรับรู้ไว้เป็นความรู้เบื้องต้น ไม่ควรขยายความหรือแชร์ข้อมูลแบบตื่นกลัว เพราะอาจทำให้เกิดความเครียดโดยไม่จำเป็น


ศ.ดร.สันติยังให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า หากวันใดประเทศไทยต้องเผชิญแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ หรือมีความเสี่ยงระดับพิบัติภัยจริง วงวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นฝ่ายออกมาอธิบายอย่างเป็นทางการเองแน่นอน ข้อมูลจะมีความชัดเจนและตรวจสอบได้ ไม่ต้องอาศัยการคาดเดาจากข่าวลือหรือการแชร์ต่อในโซเชียลมีเดีย

ข้อมูลเป็นพลัง ถ้าใช้ด้วยความเข้าใจ

การที่กรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานรัฐรายงานเหตุแผ่นดินไหวทุกครั้ง แม้จะมีขนาดเล็ก ก็เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็น ฐานข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้ม ของรอยเลื่อน ความถี่ และพัฒนาการของเปลือกโลกในประเทศไทยในระยะยาว

แต่อย่างที่ ศ.ดร.สันติ เตือนว่า “อย่าเอาใจลงไปเล่นมาก” เพราะความไม่สบายใจจะกลับมาตกอยู่กับประชาชนเอง เราควร ติดตามข้อมูลอย่างรู้เท่าทัน และเก็บความรู้ไว้เป็นเกราะสำหรับรับมือภัยพิบัติอย่างมีสติ มากกว่าจะตกใจทุกครั้งที่เห็นคำว่า "แผ่นดินไหว" บนหน้าฟีด

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง