แอร์บัสทดสอบระบบควบคุมนักบินอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

บริษัท แอร์บัส (Airbus) ประสบความสำเร็จทดสอบระบบควบคุมนักบินอัตโนมัติบนเครื่องบินแอร์บัส A340-1000 ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ในโครงการ Project Dragonfly การพัฒนาระบบการบินขึ้นและลงจอดอัตโนมัติ การวิ่งบนพื้นแท็กซี่ในสนามบินและการหลบเหตุฉุกเฉินอัตโนมัติที่อาจเกิดขึ้นรูปแบบต่าง ๆ บนสนามบิน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับระบบควบคุมนักบินอัตโนมัติและลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ 

ตัวอย่างเช่น เมื่อเครื่องบินตรวจพบสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการบิน โดยได้รับข้อมูลจากศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศ หลังจากนั้นเครื่องบินจะตัดสินใจเลือกสนามบินที่มีความเหมาะสมมากกว่าในการลงจอดฉุกเฉิน

ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของเครื่องบินหรือการแท็กซี่เครื่องบินภายในสนามบินดูเหมือนไม่มีความซับซ้อนแต่สำหรับสนามบินที่มีความพลุกพล่านของเครื่องบิน ระบบดังกล่าวมีความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากโครงสร้างของเครื่องบินมีความละเอียดอ่อน หากเกิดการชนหรือปะทะแม้เพียงเล็กน้อยอาจส่งต่อการทำงานของปีกเครื่องยนต์หรือระบบอื่น ๆ เครื่องบินจะได้ส่งเสียงแจ้งเตือนนักบินบนเครื่องในทันที หากพบว่าเส้นทางที่เครื่องบินแท็กซี่ผ่านมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุและเปลี่ยนเป็นเส้นทางอื่น 

ระบบควบคุมนักบินอัตโนมัติไม่ได้เข้ามาแทนที่นักบินที่เป็นมนุษย์ แต่ทำหน้าที่สนับสนุนนักบินผู้เชี่ยวชาญได้เป็นอย่างดี การตัดสินใจส่วนใหญ่ยังคงเป็นการตัดสินใจโดยนักบินที่เป็นมนุษย์เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของเครื่องบินและผู้โดยสาร นอกจากนี้ระบบดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการวิจัยพัฒนาและทดสอบยังไม่พร้อมที่จะนำมาใช้งานจริง

ก่อนหน้าในเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัท แอร์บัส (Airbus) ประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบควบคุมนักบินอัตโนมัติของเครื่องบินขณะวิ่งบนพื้น บินขึ้นและลงจอด (Autonomous Taxi, Take-Off and Landing หรือ ATTOL) โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพบนหน้าจอเครื่องบิน นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการทดสอบเทคโนโลยีบินอัตโนมัติในเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ การบินทดสอบมีขึ้นกว่า 500 เที่ยวบินและถูกบันทึกวิดีโอเอาไว้กว่า 450 เที่ยวบิน  

ที่มาของข้อมูล BBC 

ที่มาของรูปภาพ Airbus