รีเซต

เจาะ "CHG" กลับสู่การเติบโต ฟื้นตัวดีช่วง 2H66

เจาะ "CHG" กลับสู่การเติบโต ฟื้นตัวดีช่วง 2H66
ทันหุ้น
6 พฤศจิกายน 2566 ( 13:26 )
21
เจาะ "CHG" กลับสู่การเติบโต ฟื้นตัวดีช่วง 2H66

#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส ส่องหุ้น CHG คาดกำไรปกติ Q3/66 จะกระโดดเพิ่ม 48% q-q เป็น 305 ลบ. จากตัวเลขผู้ป่วยเงินสดที่อยู่ในเกณฑ์ดีและ EBITDA margin ที่ปรับตัวดีขึ้น การเติบโตของกำไรปี 2567 ดูดีจากผลขาดทุนที่ลดลงของโรงพยาบาลใหม่และค่าใช้จ่ายพิเศษที่หายไป คงคำแนะนำซื้อหลังปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 4 บาท (DCF) 

 

 

คาด Q3/66 จะโต y-y ครั้งแรกรอบ 5 ไตรมาส

 

Q3/66 คาดว่ารายได้จะโต 13% q-q รายได้ผู้ป่วยเงินสดน่าจะโต 14% q-q จากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดในช่วงฤดูฝนและน่าจะสูงกว่าระดับก่อนโควิด 42% รายได้สำนักงานประกันสังคม (SSO) น่าจะโต 11% q-q จากอัตราการจ่ายเงินที่สูงขึ้น (1,808 บาท/หัว/ปี จาก 1,640 ที่เริ่มในเดือน พ.ค. 2566) EBITDA margin น่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 24% ใน Q3/66 (เทียบกับ 21% ใน Q2/66) เนื่องจาก CHG แม่สอดพึ่งเปิดดำเนินงาน

 

ในขณะที่บริษัทฯ บันทึกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโรงพยาบาลดังกล่าวมาตั้งแต่ Q1/66 กำไรปกติรวมน่าจะกระโดดเพิ่ม 48% q-q เป็น 305 ลบ. จากรายได้ที่โตดีและสำรอง UCEP Covid (46 ลบ. ใน Q2/66) ที่หายไป

 

นอกจากนี้ Q3/66 ยังน่าจะเป็นไตรมาสแรกที่กำไรปกติโต y-y นับตั้งแต่การระบาดของโรค Covid สิ้นสุดลงใน Q2/65 ทั้งนี้ CHG อาจบันทึกกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของสัญญา Cross-currency swap สำหรับสินเชื่อระยะยาวสำหรับโรงพยาบาลแม่สอดในไตรมาสนี้ แต่ยังไม่ได้รวมปัจจัยดังกล่าวไว้ในประมาณการ Q3/66 ของฝ่ายวิจัย

 

แนวโน้มกำไรน่าจะดีต่อเนื่องใน Q4/66

 

แนวโน้มกำไรจะดีต่อเนื่องใน Q4/66 ผลขาดทุนจาก CHG แม่สอดน่าจะลดลงตามรายได้ที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ CHG ยังน่าจะบันทึกกำไรเพิ่มเติมอีกประมาณ 40-60 ลบ. จากการรักษาโรคภาระเสี่ยงใน Q4/66 เนื่องจากตัวเลขที่ได้รับจริงน่าจะสูงกว่าตัวเลขค้างรับกลับสู่ช่วงการเติบโตในปี 2567 และคาดว่ากำไรปี 2567 จะกระโดดเพิ่ม 16% โดยแนวโน้มผลขาดทุนของ CHG แม่สอดน่าจะลดลงจาก 70-80 ลบ. ในปี 2566 (รวมค่าใช้จ่ายก่อนด าเนินงานในช่วง 1H66) เป็น 20-30 ลบ. ในปี 2567

 

นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายสำรองพิเศษอีก 40-50 ลบ. ที่บันทึกในปี 2566 ยังน่าจะหายไป ในปี 2567 CHG Medical Center ซึ่งเปิดดำเนินงานใน Q3/66 น่าจะช่วยเพิ่ม Revenue intensity ของกลุ่มฯ และผลักดัน EBITDA margin ระดับการประเมินมูลค่าต่ำ

 

คงประมาณการและปรับการประเมินมูลค่าไปเป็นประมาณการปี 2567E ซึ่งทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 4.0 บาท (DCF) CHG มีการซื้อขายที่ 25.5x ของค่า 2567E P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีในอดีตที่ 26.5x นอกจากนี้หุ้นยังมีปัจจัยบวกจากกำไรที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีในช่วง 2H66

ข่าวที่เกี่ยวข้อง