อินเดีย เร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 หลังผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
Editor’s Pick: อินเดียยังต้องดิ้นรนฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงทำสถิติใหม่ทุกวัน ทำให้ตอนนี้แซงหน้าบราซิล ขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลกแล้ว
168,912 รายในหนึ่งวัน
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 168,912 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้มียอดติดเชื้อสะสมแล้ว 13.53 ล้านคน แซงหน้าประเทศบราซิลที่มียอดติดเชื้อสะสม 13.48 ล้านคน ขณะที่สหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในอันดับที่ 1 คือ 31.2 ล้านคน
นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตรายวันในอินเดียเพิ่มขึ้น 904 คน และมียอดเสียชีวิตสะสม 170,179 คน อันดับที่ 4 ขอโลก เป็นรอบ สหรัฐฯ (5.75 แสน), บราซิล (3.53 แสน) และ เม็กซิโก (2.09 แสน)
ก่อนหน้านี้ อินเดียเคยแซงหน้าบราซิลขึ้นมาแล้วรอบหนึ่ง เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ก่อนที่จะถูกบราซิลเร่งเครื่องเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ยอดติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศที่มีประชากรอันดับ 2 ของโลกนี้เพิ่มขึ้นสูงมาก หลังจากมีเทศกาลกุมภเมลา ซึ่งมีชาวอินเดียหลายล้านคนแห่ลงแช่ใน “แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์” โดยไม่มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย
อินเดียไม่ไหว งดส่งออกยารักษา-วัคซีน
กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่า โดยยอดติดเชื้อที่พุ่งสูงนี้ ทำให้ “ความต้องการใช้ยาเรมเดซิเวียร์” ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส ของบริษัท Gilead Sciences ขาดแคลนอย่างหนัก ทำให้ต้องประกาศห้ามการส่งออกยาชนิดนี้
แม้ว่าองค์การอนามัยโลก หรือ WHO จะรายงานผลการศึกษาตั้งแต่ปีที่แล้วว่า “เรมเดซิเวียร์” มีผลเพียง “เล็กน้อย หรือไม่มีผลเลย” ต่อการเสียชีวิตจากโควิด-19 (หมายความว่า ใช้ยานี้ ไม่ได้ทำให้คนมีอัตราการรอดชีวิตที่มากขึ้น) แต่อินเดียก็ยังเป็น 1 ในประเทศที่เดินหน้าใช้ยาตัวนี้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ต่อไป
มาตรการห้ามการส่งออก จะมีต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น พร้อมเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิต่าง ๆ เร่งเพิ่มการผลิต โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 3.9 ล้านเม็ดต่อเดือน
อินเดียได้รับการขนานนามว่าเป็น “คลังยาของโลก” ได้ประกาศระงับการส่งออกวัคซีนต้านโควิด-19 มาก่อนหน้านี้แล้ว
ปัจจุบัน อินเดียฉีดวัคซีนโควิด-19 มากกว่า 100 ล้านโดสแล้ว สำหรับบุคลากรด่านหน้า และประชาชนในวัยมากกว่า 45 ปี และกำลังจะเริ่มต้นโครงการฉีดวัคซีนขนานใหญ่ในวันที่ 14 เมษายนนี้ โดยตั้งเป้าฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชน 250 ล้านคนภายในเดือนกรกฏาคมนี้ แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า ต้องเร่งรีบแบบก้าวกระโดดถึงจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
รัฐบาลกลาง-ท้องถิ่น ขัดแย้งเรื่องวัคซีนขาดแคลน
รัฐบาลของอินเดียพยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงการประกาศมาตรการล็อกดาวน์รอบ 2 เนื่องจากการล็อกดาวน์รอบแรกส่งผลให้มีผู้ไม่พอใจเป็นจำนวนมาก จึงทำให้หลายรัฐเริ่มประกาศมาตรการล็อกดาวน์ท้องถิ่นด้วยตัวเอง
อาทิ รัฐมหาราษฎระ ที่มีนครมุมไบ เป็นเมืองเอก และเป็นรัฐที่เผชิญการระบาดรอบนี้ที่รุนแรงที่สุด ประกาศปิดร้านอาหาร และจำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะไม่ให้เกิน 5 คน
ขณะเดียวกัน หลายรัฐ ประกาศว่า กำลังเผชิญกับการ “ขาดแคลนวัคซีน” .. รัฐมหาราษฏระ ที่ได้รับผลกระจากการระบาดรอบนี้รุนแรงที่สุดเป็นหนึ่งในนั้น
วัคซีนขาดแคลน หรือเพียงเบี่ยงประเด็น
รัฐมหาราษฏระ ระบุว่า ตอนนี้รัฐกำลังขาดแคลนวัคซีน อีกทั้ง ยังขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ในอย่างน้อย 7 เมือง และขอให้รัฐบาลกลางให้การช่วยเหลือเรื่องนี้ด้วย
แต่กระทรวงสาธารณสุขกลาง ได้เขียนบันทึกข้อความถึงรัฐบาลของรัฐมหาราษฏร ว่าให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพิ่มการตรวจเชื้อโควิด-19 ให้มากขึ้น และเพิ่มกำลังพล
และบอกว่า ที่วัคซีนขาดแคลนนั้น “ไม่มีมูลความจริง” แต่รัฐบาลท้องถิ่นเหล่านี้กำลังต้องการ “เบี่ยงเบนความสนใจ” จากความผิดพลาดของตัวเองที่รับมือไม่ได้เสียมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อช่วงเทศกาลกุมภเมลาที่ผ่านมา ที่แม้จะมีคำสั่งให้ตรวจเชื้อโควิด-19 ก่อนเข้าเทศกาล แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทุกคน อีกทั้งส่วนใหญ่ยังไม่สวมหน้ากากอนามัย ท่ามกลางผู้คนที่หนาแน่นอีกด้วย