รู้จักพายุหมุนเขตร้อน พายุที่เข้าไทยมากที่สุด
พายุ (Storm) ถือเป็นภัยธรรมชาติชนิดหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นบนพื้นทวีปและในมหาสมทุร เมื่อก่อตัวรวมกันจนกลายเป็น พายุหมุนเขตร้อน (Tropical Cyclone) ซึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยา ถือว่าพายุหมุนเขตร้อนเป็นพายุที่พัดเข้าประเทศไทยมากที่สุด สร้างความเสียหายอย่างมากทั้งสิ่งปลูกสร้าง ธรรมชาติ สิ่งมีชีวิต โดยนักพยากรณ์อากาศได้มีการจัดระดับความรุนแรงของพายุตามมาตรวัดแต่ละภูมิภาคที่พายุก่อตัว ซึ่งหากเจริญเติบโตเต็มที่จะกลายเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดชนิดหนึ่ง
พายุหมุนเขตร้อนมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 100 กิโลเมตรขึ้นไป โดยจะเกิดขึ้นพร้อมลมที่พัดรุนแรงและหมุนทวนเข็มนาฬิกาในทางซีกโลกเหนือ และหากยิ่งใกล้ศูนย์กลางลมจะหมุนเป็นวงกลมและมีความเร็วสูงสุดเกินกว่า 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทของพายุได้ที่ รู้จักประเภทพายุ ภัยธรรมชาติสุดน่ากลัว
พายุหมุนเขตร้อนแบ่งได้อย่างไร
1. พายุดีเปรสชันเขตร้อน (Tropical Depression) มีความเร็วลมสูงสุด ใกล้จุดศูนย์กลางไม่เกิน 63 กิโลเมตร/ชั่วโมง
2. พายุโซนร้อน (Tropical Storm) มีความเร็วลมสูงสุดไม่เกิน 118 กิโลเมตร/ชั่วโมง
3. พายุไต้ฝุ่น (Typhoon) หรือ เฮอร์ริเคน Hurricane) มีความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลางตั้งแต่ 118 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เมื่อพายุหมุนเขตร้อนพัฒนาจนกลายเป็นพายุไต้ฝุ่น หรือ เฮอร์ริเคน จะมีการจัดระดับความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือที่เรียกว่า “ไต้ฝุ่น” ซึ่งจะถูกจัดตามระดับความรุนแรงตามเกณฑ์ขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ESCAP/WMO) รวมถึงกรมอุตุนิยมวิทยาของแต่ละประเทศ
ขณะที่พายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวในซีกโลกเหนือแทบมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่เรียกว่า “เฮอร์ริเคน” ซึ่งจะถูกจะตามระดับความรุนแรงด้วยมาตรฐานเฮอร์ริเคนแซฟเฟอร์ - ชิมป์สัน โดยอ้างอิงจากความเร็วลมสูงสุดซึ่งพัดต่อเนื่องใน 1 นาทีที่ความเร็วสูง 10 เมตร
มาตราเฮอร์ริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน แบ่งตามระดับได้อย่างไร
ระดับ 1 มีความเร็วลมระหว่าง 119-153 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระดับ 2 มีความเร็วลมระหว่าง 154-177 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระดับ 3 มีความเร็วลมระหว่าง 178-209 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระดับ 4 มีความเร็วลมระหว่าง 210-249 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระดับ 5 มีความเร็วลมตั้งแต่ 252 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นไป
ข้อมูลภาพจาก : วิกิพีเดีย
ขณะที่ประเทศไทยมักได้รับอิทธิพลจากพายุดีเปรสชันมากที่สุด โดยเฉลี่ยปีละประมาณ 3-4 ลูก โดยมักเกิดในฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งอาจเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ก่อตัวในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย หรือ มหาสมุทรแปซิฟิกทะเลจีนใต้
พายุในประเทศไทยเกิดช่วงตอนไหน
1. ช่วงเดือนพฤษภาคม ก่อนเข้าฤดูฝนซึ่งอาจมีพายุไซโคลนจากอ่าวเบงกอลเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยทางทิศตะวันตก ทำให้มีผลกระทบต่อภาคตะวันตกของประเทศ
2. ช่วงเดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน อาจมีพายุไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกพัดผ่านเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้มีผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนบน
3. ช่วงเดือนกันยายน - ปลายเดือนตุลาคม อาจจะมีพายุหมุนเขตร้อนในทะเลจีนใต้พัดผ่านเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ทำให้มีผลกระทบต่อภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รวมทั้งเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
4. สำหรับช่วงต้นฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมกราคม มักจะมีความกดอากาศต่ำในตอนล่างของทะเลจีนใต้พัดผ่านเข้ามาในอ่าวไทย ทำให้มีผลกระทบต่อภาคใต้ฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป
ทั้งนี้ ประเทศไทยการพยากรณ์อากาศและการจัดพายุจะถูกแบ่งโดย กรมอุตุนิยมวิทยา เป็นผู้พยากรณ์อากาศในแต่ละวัน และพยากรณ์การเกิดพายุฝนรวมถึงพายุแต่ละลูกอีกด้วย
ที่มาข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา https://www.tmd.go.th/ , https://ngthai.com/
ที่มาภาพ : AFP, กรมอุตุนิยมวิทยา,วิกิพีเดีย