ดีอีเอส-กัมพูชา เล็งผนึกลงนาม mou ความร่วมมือปราบมิจฉาชีพออนไลน์ข้ามแดน
วันนี้ (28 ม.ค. 65) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ให้การต้อนรับเเละร่วมประชุมหารือออนไลน์กับ นายเจีย วันเดค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือในรูปแบบผสมผสาน (Hybrid) โดยมีประเด็นหารือร่วมกันครอบคลุม 4 หัวข้อหลัก เพื่อนำทางไปสู่การขยายความร่วมมือในการประสานงานแก้ไขปัญหาและปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมีการข้ามเขตแดนเพื่อก่อการละเมิดกฎหมายของไทยและกัมพูชา สร้างความเดือดร้อนกับประชาชน และความเสียหายต่อรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ
โดยนายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้เราหารือประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านดิจิทัลระหว่างไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะการปราบปรามแก๊ง Call Center/ Hybrid Scam/ หลอกลงทุน และเตรียมที่จะทำ MoU ระหว่างประเทศเพื่อร่วมกันในการเเก้ปัญหาดังกล่าว
โดยที่ผ่านมาพบปัญหามิจฉาชีพและกลุ่มอาชญากรรมข้ามเขตแดนไทย-กัมพูชา และใช้เป็นฐานในกระทำผิดกฎหมายข้ามแดน และหลีกเลี่ยงการถูกจับกุมดำเนินคดีจากหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมา ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้รับแจ้งจากการกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งถูกหลอกลวงจากคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งหลอกชักชวนให้ร่วมลงทุน และแก๊งพนันออนไลน์หลายเว็ปไซต์ มูลค่าความเสียหายกว่าหลายร้อยล้านบาท
จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายบางส่วนใช้วิธีโทรศัพท์ผ่านอินเตอร์เน็ต (VOIP) ทราบ IP Address ที่คนร้ายใช้กระทำความผิด เมื่อตรวจสอบกับสถานที่ทำธุรกรรมการเงินของคนร้ายพบว่าตั้งอยู่ที่กรุงพนมเปญ และเมืองพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเงินที่คนร้ายได้จากการกระทำความผิดจะฟอกเงินผ่านร้านรับแลกเงินในประเทศกัมพูชา หรือเงินสกุลดิจิทัล
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรงและสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากจำนวนคดีที่เหยื่อได้แจ้งความ ซึ่งรัฐบาลของทั้งสองประเทศเห็นความสำคัญของปัญหานี้ และเตรียมแนวทางขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ข้ามประเทศ
“ที่ผ่านมา เรายังมีการหารือการส่งเสริมความร่วมมือการต่อต้านข่าวปลอม เนื่องจากปัจจุบันมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเดินทางข้ามมายังเขตแดนไทย เพื่อโพสต์ข้อความเพื่อโจมตีรัฐบาลกัมพูชาผ่านเฟซบุ๊ก ทั้งนี้เพื่อหลบหลีกจากการที่รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายสอดส่อง (เซ็นเซอร์) การโพสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสมตามแฟลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ” นายชัยวุฒิ กล่าว
สำหรับประเด็นการหารือร่วมกันครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.การแต่งตั้ง Contact point ในการประสานงานในการตรวจค้นพยานหลักฐานที่พบในกัมพูชา และการขยายการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำความผิด เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นการส่งพยานหลักฐานให้ทางฝ่ายไทยอย่างเดียว และนำไปขยายผลในการจับกุมผู้กระทำความผิดที่กัมพูชาไม่ได้
2.การประสานงานในการขอข้อมูลผู้ใช้บริการ VOIP ฝั่งกัมพูชา, IP Address และข้อมูลการโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ในการกระทำความผิด เพื่อใช้ในการสืบสวนจากฝั่งไทย – กัมพูชา และกัมพูชา - ไทย
3.การจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของทั้งฝ่ายไทย – กัมพูชา และ 4. การจัดทำ MoU ระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยความร่วมมือในการปราบปรามแก๊ง Call Center/ Hybrid Scam