บล.ดาโอ แนะ “ถือ” BANPU เป้า 9.00 บ. คาดธุรกิจก๊าซฟื้นตัวไตรมาส 3/66

บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU คาดกำไรไตรมาส 2/66 จะต่ำสุดของปี ก่อนจะทำกำไรในไตรมาส 3/66 ที่คาดว่าธุรกิจก๊าซฯจะฟื้นตัว คงคำแนะนำ "ถือ" ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 9.00 บาท อิงวิธี SOTP
บล.ดาโอ ประเมินว่าบริษัทจะรายงานกำไรที่เป็นจุดต่ำสุดของปีในไตรมาส 2/66 ที่ 951 ล้านบาท (-93% YoY, -81% QoQ) สอดคล้องกับราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ทั้งนี้ บล.ดาโอเชื่อว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงิน (hedging loss) ที่ลดลงในไตรมาสนี้ และยังไม่มีปัจจัยบวกในระยะสั้น
นอกจากนี้ บล.ดาโอ เชื่อว่าบริษัทจะเห็นกำไรที่ฟื้นตัว HoH ได้ในครึ่งปีหลัง หนุนโดย 1) ราคาพลังงานที่ฟื้นตัวและ 2) การรับรู้กำไรส่วนเพิ่มจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้า Temple II สอดคล้องกับหน้าร้อนในประเทศตะวันตกในไตรมาส 3/66
บล.ดาโอ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566/2567 ที่ 1.41/1.50 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 4.05 หมื่นล้านบาทในปี 2565 โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ 1) ราคาขายถ่านหิน (coal ASP) ในอินโดนีเซียที่ต่ำลงในช่วง USD 128/ton-USD132/ton จาก USD193/ton ในปี 2565 2) ราคาขายก๊าซฯ (gas ASP) ที่ลดลงอยู่ในช่วง USD2.5/mcfe-USD2.6/mcfe จาก USD5.5/mcfe ในปี 2565 และ 3) กำไรจากบริษัทร่วมทุม (equity income) ที่ต่ำลงในช่วง 9.4-10.2 พันล้านบาท จาก 12.0 พันล้านบาทในปี 2565 ตามกำไรที่ลดลงของธุรกิจถ่านหินในจีน
ราคาหุ้น underperform SET - 10% ในช่วง 6เดือนที่ผ่านมาสอดคล้องกับแนวโน้ม coal ASP และ gas ASP ที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วจากอุปสงค์การใช้พลังงานความร้อนที่อ่อนแอ ทั้งนี้ แม้ราคาปิดล่าสุดสะท้อน PBV ที่น่าดึงดูดเพียง 0.68x (ประมาณ - 1.00SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง)
หากกำไรไตรมาส 2/66 เป็นไปตามที่บล.ดาโอ คาด กำไรในครึ่งปีแรกจะคิดเป็น 42% ของประมาณการกำไรทั้งปีของบล.ดาโอ ทั้งนี้ แม้ประมาณการกำไรอาจจะมี downside ที่เป็นไปได้ จากแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่บล.ดาโอยังไม่ได้รวม upside จากการรับรู้กำไรส่วนเพิ่มจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้า Temple II เข้าไปในประมาณการ
คาดกำไรไตรมาส 3/66 จะฟื้นตัว QoQ บล.ดาโอเชื่อว่ากำไรไตรมาส 2/66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 3/66 หลักๆจาก 1) ราคาพลังงานที่ฟื้นตัวและ 2) การรับรู้กำไรสวนเพิ่มจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้า Temple II ที่มีกำลังการผลิต 755 เมกะวัตต์ (MW) (เข้าซื้อเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ 10 ก.ค.2566) สอดคล้องกับหน้าร้อนในประเทศตะวันตกในไตรมาส 3/66