บล.กรุงศรีคาดมาตรการช่วยหนี้ภาครัฐดัน GDP หุ้นแบงก์กระทบจำกัด

#บลกรุงศรี #ทันหุ้น - จากการประเมินใข้อมูลที่เผยแพร่ในช่วงเวลานี้ บล.กรุงศรีคาดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของภาครัฐจะเข้ามาเพิ่ม GDP ได้ประมาณ 0.24% ในปี 2024

บล.กรุงศรีคาดการณ์มาตรการจะช่วยเพิ่ม GDP ประมาณ 0.24% 

กลุ่ม 1) ลูกหนี้รายย่อยจากสถานการณ์โควิด-1 9 และ SME คาดไม่ได้ทำให้ GDP เพิ่มขึ้นเนื่องจากลูกหนี้ 1 ล้านคนที่เป็น NPL จากสินเชื่อฉุกเฉินโควิด 10,000 บาท จากธนาคารออมสินและธกส.นั้น รัฐบาลอาจจะมีการยกหนี้ที่สียให้ เนื่องจากรัฐบาลได้กันวงเงินเพื่อชดเชยความเสียหายไว้แล้วครึ่งหนึ่งของวงเงินทั้งหมดที่ 30,000 ล้านบาท ส่วนลูกหนี้ NPL ที่เป็น SME 100,000 ราย จะมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ย และพักชำระหนี้รวมถึงยกเลิกสถานะหนี้สีย NPL เพื่อทำให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้และไม่ติด blacklist

กลุ่ม 2) ลูกหนี้ที่เป็นข้าราจ ขการที่มีรายได้ประจำ คาดจะช่วยเพิ่ม 0.24% ใน GDP ปี 2024 จากสมมติฐานของเราที่ทำให้มีเงินเดือนเหลือใช้เพิ่มขึ้น ภาครัฐจะเข้ามาช่วยให้หักเงินเพื่อชำระหนี้ไม่เกิน 70 ของเงินเดือน ปรับโครงสร้างหนี้ยืดอายุการใช้หนี้ไปได้ถึงอาย 75 ปี และลดดอกเบี้ย

กลุ่ม 3) กลุ่มเกษตกรและหนี้กยก คาดไม่ได้ทำให้ GDP เพิ่มพื้น เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีเกษตรกรเข้าร่วมแล้วกว่า 1.5 ล้านราย เหลืออีกประมาณ 5 แสนรายจากเป้า 2 ล้านราย

ที่จะได้รับการช่วยเหลือในการปรับปรูงโครงสร้างหนี้ ส่วนลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่จะมีการปรับปรุงหนี้จะเริ่มจากการตัตเงินต้นก่อน ตามมาด้วยดอกเบี้ยและค่าปรับเพื่อให้เงินตันลดลงต้เร็ว และจะมีการปรับลตอัตราดอกเบี้ยค่าปรับลงเหลือ0.5% จาก 7.5% 

กลุ่ม 4) กลุ่มหนี้เสียองค้างกับสถาบันการเงินของรัฐมาเป็นระ ะยะเวลานาน คาดไม่ได้ทำให้GDP เพิ่มขึ้น เนื่องจากขั้นตอนจะกินเวลานาน ขณะที่จะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินของรัฐและบริษัทบริหารสินทรัพย์ ขณะที่ปัจจุบันได้มีการโอนหนี้เสียไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ SAM อยู่แล้ว

บล.กรุงศรี มีมุมมอง Neutral ต่อกุล่มธนาคารและคาดผลกระทบในวงจำกัด แต่มองว่ามาตรการหากเกิดผลสำเร็จ จะช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจได้ และป้องกันการเกิดผลกระทบต่อเนื่องในวงกว้าง (domino effect) จากปัญหาหนี้สินครัวเรือนเรื้อรังและNPL ได้ 

ทั้งนี้เป็นเพียงการประเมินผลกระทบเบื้องต้นจากข้อมูลที่เผยแพร่เท่านั้น และยังต้องมีการปรับปรุงตัวเลขผลกระทบ หลังมาตรการดังกล่าวได้ผ่านครม.จึงยังต้องรอรายละเอียดสุดท้ายอย่างเป็นทางการ