รีเซต

End of Year Burnout ภาวะเหนื่อยล้าช่วงสิ้นปี ป้องกันอย่างไร

End of Year Burnout ภาวะเหนื่อยล้าช่วงสิ้นปี ป้องกันอย่างไร
TNN ช่อง16
28 ธันวาคม 2568 ( 16:58 )
7

เมื่อใกล้สิ้นปี คนทำงานจำนวนมากต้องเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากเดดไลน์ที่กระชั้น ภารกิจในช่วงเทศกาล และความท้าทายในการจัดสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว สิ่งเหล่านี้มักนำไปสู่ "ภาวะหมดไฟช่วงสิ้นปี" ซึ่งเป็นสภาวะของความอ่อนล้าทั้งทางจิตใจและร่างกาย ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาวะโดยรวม


ภาวะหมดไฟตอนสิ้นปีคืออะไร?

ภาวะหมดไฟช่วงปลายปี หรือ End-of-year burnout  คือความอ่อนล้าทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ที่สะสมมาเมื่อคุณเดินทางมาถึงเดือนธันวาคม หลังจากต้องเผชิญกับความเครียด ภาระหน้าที่ และความคาดหวังต่าง ๆ ต่อเนื่องมาหลายเดือน เมื่อทุ่มเทให้การงานมาตลอดทั้งปี ช่วงเวลานี้จึงทำให้หลายคนมีความรู้สึกเหมือนไม่เหลืออะไรให้ทุ่มเทอีกแล้ว 

ภาวะหมดไฟไม่เหมือนกับความเหนื่อยหรือความเครียดทั่วไป แต่มันคือสภาวะของการถูกใช้พลังจนร่อยหรอเรื้อรัง จากการที่คุณต้องทำงานหรือใช้ชีวิตเต็มกำลังมานานเกินไปโดยไม่ได้พักหรือฟื้นฟูอย่างเพียงพอ 

เมื่อถึงเดือนธันวาคม คุณได้ใช้เวลาไปแล้ว 11 เดือนกับการจัดการความเครียดจากงาน ความรับผิดชอบส่วนตัว ปัญหาความสัมพันธ์ แรงกดดันทางการเงิน และทุกอย่างที่ชีวิตโยนเข้ามา คุณจึงเริ่มต้น “ช่วงเวลาที่แสนวิเศษที่สุดของปี” ในสภาพที่พลังแทบไม่เหลือ และจากนั้นเดือนธันวาคมก็ยังเพิ่มภาระเฉพาะตัวของมันเข้ามาอีก บนสิ่งที่คุณแบกรับอยู่แล้ว

ผลลัพธ์คือความอ่อนล้าในรูปแบบหนึ่งที่การพักผ่อนไม่อาจแก้ได้ แม้ได้นอนหลับเต็ที่แต่ตื่นมาก็ยังเหนื่อย ยังรู้สึกหนักใจในช่วงวันหยุด ไปจนถึงขั้นไม่รู้สึกอะไรเลย แม้จะอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความรื่นเริง 

สัญญาณที่บ่งบอก ภาวะหมดไฟตอนสิ้นปี

ภาวะหมดไฟไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่มันค่อย ๆ สะสมทีละน้อย และมักไม่ถูกรับรู้จนกระทั่งเริ่มส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาวะของคุณ สิ่งที่ควรสังเกตมีดังนี้

  • ความเหนื่อยล้าอย่างต่อเนื่อง หรือรู้สึกพลังหมดตลอดเวลา
  • มีสมาธิลดลง หรือขาดแรงจูงใจในการทำงาน
  • หงุดหงิดง่าย หรือรู้สึกห่างเหินจากงานที่ทำ

การตระหนักถึงสัญญาณเตือนเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ คือก้าวแรกของการป้องกันการเเกิดอารมณ์เชิงลบจากภาวะหมดไฟ

ป้องกันการเกิดภาวะหมดไฟตอนสิ้นปี

1. บริหารเวลาให้เป็น

การควบคุมตารางเวลาของตัวเองให้ดีขึ้นสามารถช่วยลดความเครียดและสร้างพื้นที่แห่งการพักผ่อน 

  • โฟกัสสิ่งที่สำคัญที่สุด แทนการพยายามทำทุกอย่าง
  • แยกโปรเจกต์ใหญ่ ๆ ออกเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่จัดการได้ง่าย
  • แบ่งปันความรับผิดชอบเมื่อทำได้ เพื่อลดความรู้สึกแบกรับมากเกินไป

2. ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน

ขอบเขตไม่เพียงช่วยป้องกันภาวะหมดไฟ แต่ยังส่งเสริมประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการทำงานด้วย ซึ่งทำได้โดย ปฏิเสธงานอย่างสุภาพ เมื่องานนั้นเกินขีดความสามารถของเรา และตัดการเชื่อมต่อหลังเลิกงาน เพื่อแยกชีวิตการทำงานออกจากชีวิตส่วนตัวให้ชัด

3. ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง

สุขภาพกายและใจเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาพลังและสมาธิในการทำงาน

  • เคลื่อนไหวร่างกาย แม้การเดินสั้น ๆ ก็ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นและลดความเครียด
  • บำรุงร่างกายด้วยอาหาร  มีงานวิจัยที่ชี้ว่า มื้ออาหารที่สมดุลช่วยให้มีพลังงานต่อเนื่อง
  • การทำสมาธิหรือฝึกสติช่วยให้จิตใจสงบและคลายความตึงเครียด
  • ทำงานงานอดิเรกที่ชื่นชอบ เป็นการช่วยผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือเวลาอยู่กับคนที่รัก ช่วยเติมไฟและคืนชีวิตชีวาให้ชีวิต ที่นอกเหนือจากการทำงาน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง