รีเซต

ป่าไม้ กอ.รมน ภาค4 สำรวจต้นเทียนทะเล ป้องกันลักลอบตัดส่งทำบอนไซ

ป่าไม้ กอ.รมน ภาค4 สำรวจต้นเทียนทะเล ป้องกันลักลอบตัดส่งทำบอนไซ
มติชน
30 พฤษภาคม 2564 ( 21:58 )
191
ป่าไม้ กอ.รมน ภาค4 สำรวจต้นเทียนทะเล ป้องกันลักลอบตัดส่งทำบอนไซ

 

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม  ร.อ.อดุลย์ พรหมบุตร หัวหน้าชุดปฏิบติการ กอ.รมน.ภาค4 พื้นที่เกาะสมุย ร่วมกับ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่สฎ.16 (เกาะสมุย) นำกำลังเจ้าหน้าที่ ผู้นำชุมชนและชาวบ้านในพื้นที่ นำเรือเข้าสำรวจพื้นที่เกาะแตน หมู่ 2 ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังผู้ที่มาลักลอบตัดทำลายไม้เทียนทะเล เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ได้มีคนเข้ามาลักลอบตัดทำลายไม้เทียนทะเลในพื้นที่เกาะสมุยและเกาะบริวารใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งขายต่อให้กลุ่มคนเพื่อนำไปเพาะพันธุ์เป็นไม้ประดับหรือบอนไซ

 

 

สำหรับพฤติกรรมของคนที่ลักลอบตัดไม้เทียนทะเล จะแต่งกายเหมือนชาวบ้านหรือชาวประมงทั่วไป และถืออุปกรณ์หาปลาเดินตามแนวชายฝั่ง เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตต่อสายตาของคนทั่วไป แต่ที่จริงแล้วจะแอบแฝงดูต้นเทียนทะเล เลือกกิ่งหรือลำต้นตามลักษณะและขนาดที่ตลาดบอนไซต้องการ เมื่อเลือกได้แล้วก็จะแอบเข้ามาลักลอบตัดหรือขุดในช่วงเวลาที่ปลอดผู้คนหรือในเวลากลางคืน หลังจากที่ได้ท่อนไม้เทียนไปแล้วก็จะส่งขายต่อทันที ส่วนต้นเทียนทะเลที่ถูกตัดลำต้นก็จะไม่เจริญเติบโตและตายในที่สุด

 

 

ต้นเทียนทะเล เป็นพืชทนเค็ม ลักษณะเป็นพุ่มไม้ที่พบได้ตามแนวชายฝั่ง มีประโยชน์สำหรับการป้องกันชายฝั่งจากลมที่มีความแรง และเป็นพืชที่แข็งแรง ในเวลาเดียวกันก็มีความยืดหยุ่นได้ดีมาก เนื้อไม้เทียนทะเลเป็นไม้เนื้อแข็ง น้ำหนักมาก ทนทานต่อการเน่า การบิดโก่งตัว ไม้โตช้า และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อไปเพาะเลี้ยงเป็นไม้ประดับหรือบอนไซ จนได้ฉายาว่า “ราชาแห่งบอนไซ” มีการซื้อขายกันตามออนไลน์ มีราคาตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักแสน

 

 

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรื่องมาตรการคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 เป็นการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 ประกอบมาตรา 17 และ 27 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 เพื่อคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเลไม่ให้ได้รับความเสียหายจากการลักลอบขุด โดยผู้ที่ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง