รีเซต

TTBมุ่งกดคอสต์ รับดอกเบี้ยขาลงชี้สภาพคล่องปึ้ก

TTBมุ่งกดคอสต์ รับดอกเบี้ยขาลงชี้สภาพคล่องปึ้ก
ทันหุ้น
5 กันยายน 2568 ( 08:45 )
6

#TTB #ทันหุ้น – TTB ชี้ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ กำลังเผชิญความท้าทาย “ดอกเบี้ยขาลงกดกำไรหาย-ค่าความเสี่ยงที่สูงขึ้นช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว” ทำให้ลูกค้ามีโอกาสเป็นหนี้เสียเพิ่ม จึงเน้นลดต้นทุน   ยันสภาพคล่องแกร่ง เล็งการจ่ายเงินปันผลเดือนหน้า

นายปิติ  ตัณฑเกษม  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB เปิดเผยว่า ความท้าทายของธนาคารในช่วงดอกเบี้ยขาลง ทำให้กำไรหายอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าฝั่งดอกเบี้ยเงินฝากจะปรับตัวลงช้ากว่าเพราะต้องรอระยะเวลาให้ครบรอบการฝากก่อน แต่ดอกเบี้ยเงินกู้จะปรับตัวลงเลย กับสภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารที่ได้ไปฝากธนาคารแห่งประเทศไทยจะได้ผลตอบแทนที่ลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะปรับตัวลดลงเร็ว

ขณะที่จะมีปัจจัยกดดันจากค่าความเสี่ยงที่สูงขึ้นในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ลูกค้ามีโอกาสเป็นหนี้เสีย (NPL) มากขึ้น ซึ่งหนี้สาธารณะต่อ GDP กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่ 4 เดือน หรือ 2 ปี หรือ 4 ปี จะเผชิญกับความท้าทายนี้ ที่เป็นปัญหาสำคัญ คือ การเปลี่ยนแผนและนโยบายอยู่ตลอดเวลาเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนและต้องใช้ระยะเวลานาน ส่งผลให้ธุรกิจธนาคารต้องแบกรับความเสี่ยงมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นและต้องเผชิญวิกฤตนี้ในระยะยาว

@ภาคธนาคารเร่งลดต้นทุน

ดังนั้นสิ่งที่ภาคธนาคารจะทำได้ คือ การลดต้นทุน ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่สามารถควบคุมได้โดยตรง ทั้งนี้การมาของ AI เป็นโอกาสของธุรกิจขนาดใหญ่ในการลดต้นทุน ขณะที่เดียวกันจะเป็นภัยต่อคนไทยที่ปรับทักษะไม่ได้อาจทำให้เกิดการตกงาน และการมาของ AI จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นหรือทำให้เศรษฐกิจที่มีความเปราะบางแย่ลง ซึ่งหน้าที่ดูแลคนตกงานเป็นของทางภาครัฐไม่ใช่เอกชน ในการเลี้ยงดูด้วยภาษีของคนที่ไม่ตกงาน  ซึ่ง TTB ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา มีการลดพนักงานจาก 20,000 คน เหลือ 14,000 คน และลดสาขาจาก 1,000 แห่ง เหลือ 400 กว่าแห่ง

@คนไทยเข้าถึงสินเชื่อง่ายไป

ในส่วนเรื่องการมาของธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ มาจากการแก้ปัญหาต้นทุนการโอนเงินที่แพง โดยเฉพาะในยุโรปทั้งการโอนข้ามธนาคารและโอนข้ามสกุลเงิน อีกทั้งยังเข้าถึงสินเชื่อได้ยาก ขณะที่ไทยไม่ได้มีปัญหาตรงนี้ เพราะการเปิดบัญชีง่ายมาก ค่าธรรมเนียมการโอนถูก การเข้าถึงสินเชื่อกง่ายมี Non-Bank ให้บริการมากมายจนอาจง่ายเกินไป

@ลุ้นปันผลต.ค.นี้

อย่างไรก็ดีในเรื่องของการซื้อหุ้นคืน ทาง TTB มีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนรวม 21,000 ล้านบาท โดยเริ่มโครงการแรกด้วยจำนวน 7,000 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 5,000 ล้านบาท บริษัทที่ประกาศซื้อหุ้นคืนจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ประกาศ ซึ่งโครงการ jump+ มีแผนที่จะปรับขึ้นเป็น 1 ปี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นคืนครบทุกบาทใน 6 เดือน และเก็บเงินที่เหลือไว้ซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ภาวะตลาดไม่ค่อยดี

ด้านการจ่ายเงินปันผลซึ่งปกติจะจ่ายในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งธนาคารไทยมีความแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องสูง แต่ยังต้องประคับประคองผลประการอย่างระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงสูงเกินไป ในภาวะปกติเวลาที่ธนาคารมีกำไรจะนำกลับไปปล่อยกู้ แต่ในขณะนี้การปล่อยกู้เป็นเรื่องยาก ทำให้ธุรกิจธนาคารจึงเริ่มพิจารณาและปรับเพิ่มอัตราส่วนการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ขึ้น ถ้าหากมากเกินไปอาจสร้างความคาดหวังว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นเรื่องชั่วคราว

“ดังนั้นในช่วงที่รายได้ไม่ได้เติบโตและสินทรัพย์เสี่ยงไม่ได้ขยายตัวมากนัก การคืนเงินทุนส่วนเกินแก่ผู้ถือหุ้นจึงทำได้ในสองรูปแบบคือ การจ่ายเงินปันผล และการซื้อหุ้นคืน”

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง