เตรียมพอร์ตรับสงครามการค้า SCBAMแนะนำเพิ่มตราสารหนี้

#SCBAM #ทันหุ้น SCBAM นโยบายกำแพงภาษีทรัมป์ ทำเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสูง เข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ แนะเพิ่มตราสารหนี้เข้าพอร์ต ช่วยรักษาเงินต้น แม้จะผันผวนกับอัตราดอกเบี้ยบ้าง แต่ยังได้โอกาสจากCapital Gain ขณะที่ไทยโดนภ๊านำเข้าสหรัฐ คาดว่ารัฐเตรียมการบ้านพร้อมเจรจา แนะลงทุนหุ้นพื้นฐานแกร่ง เงินสดสูง ปันผลดี ส่วนแผนงานปี68 พร้อมดันAUMสู่2 ล้านล้านบาท
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ บลจ. ไทยพาณิชย์ หรือ SCBAMกล่าวว่า ผลกระทบที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าไทยเป็นเรื่องที่ต้องประเมินในระยะยาว แต่ชัดเจนว่าสหรัฐต้องการเพิ่มรายได้จากภาษีนำเข้า เพื่อทดแทนรายได้ที่เสียไปจากการลดภาษีในประเทศอย่างภาษีนิติบุคคล นอกจากนี้ก็เพื่อเจรจากับคู่ค้าประเทศต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงไทยด้วยเช่นกัน
*1ชูตราสารหนี้รักษาเงินต้น
“จะเห็นได้ว่าบรรยากาศการลงทุนยังเต็มไปด้วยความผันผวน ดังนั้นเรายังคงมองตราสารหนี้เป็นทางเลือกในการลงทุน ภายใต้ภาวะตลาดที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แม้การลงทุนในตราสารหนี้จะมีความผันผวนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ก็มีโอกาสสร้างยิลด์ หรือผลตอบแทนได้จาก Capital Gainหรือส่วนต่างของราคา”
นายณรงค์ศักดิ์ มองว่า ในระยะสั้น5 -10 วันหลังทรัมป์ประกาศขึ้นภีนำเข้าไทย 36%ซึ่งก็น่าจะเป็นผลดีต่อสนิทรัพย์ปลอดภัย อย่างทองคำ รวมถึงตราสารหนี้ ขณะที่การลงทุนในหุ้น จากสถานการณ์ปัจจุบัน คงต้องเลือกหุ้นคุณภาพที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง สะท้อนจากกระแสเงินสดสูง ปันผลได้สม่ำเสมอ เป็นต้น ซึ่งท้ายสุดแล้วหุ้นลักษณะนี้มักจะอยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากภาพรวมการลงทุนที่มีความผันผวน SCBAM จึงพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุ้มครองเงินต้น และเพิ่มโอกาสผลตอบแทนด้วยสินทรัพย์อ้างอิงผ่านอนุพัน์ หรือ สัญญาวอร์แรนต์ ทำให้ช่วงที่ผ่านมา SCBAM มีการออกกองทุนลักษระดังกล่าว และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมาก เพราะแม้สินทรัพย์อ้างอิงอาจทำผลตอบแทนไม่ได้ แต่มั่นใจได้ว่าเงินต้นไม่หาย และยังมีโอกาสรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยในส่วนที่ไปลงตราสารหนี้ หรือเงินฝากอีกด้วย
ทางด้าน นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน SCBAM มองในภาพรวมว่าบรรยากาศลงทุนในหุ้นไทย ครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก แม้ไทยจะเจอกับมาตรการภาษีนำเข้า 36% แต่มองว่ารัฐบาลไทยก็มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเจรจา รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการดูแลตลาดหุ้นด้วยการออกกองทุน Thai ESG Extra (Thai ESGX) เพื่อหยุดการไหลออกของเม็ดเงินLTF สะท้อนว่าภาครัฐก็ให้การสนับสนุนเต็มที่
*เชื่อไม่หลุด1,000 จุด
“เรามองว่าเรื่องกำแพงภาษีเป็นการเดินเกมในระยะยาว ยังไงก็ต้องมีการเจรจาอยู่แล้ว ดังนั้นก็ต้องรอความชัดเจนในการเจรจาด้วยเพื่อประเมินผลกระทบในระยะถัดไป อย่างไรก็ตามเราอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบจากกำแพงภาษีครั้งนี้อยู่ โดยปัจจุบันเรายังคงมุมมองตลาดหุ้นไทยปลายปีไว้ที่ 1,300-1,360 จุด ส่วนกรอบล่าง และคิดว่าไม่น่าหลุด 1,000 จุด”
นางนันท์มนัส มองว่า ด้วยภาวะที่เต็มไปด้วยความผันผวน พอร์ตลงทุนควรต้องเพิ่มตราสารหนี้เข้าไปเพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่วนตลาดหุ้น นอกจากหุ้นคุณภาพที่กล่าวแล้วก็เน้นประเทศที่พึ่งกำลังซื้อในประเทศเป็นหลัก เพราะจะได้รับผลกระทบน้อยจากนโญบายภาษีทรัมป์
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี2568 SCBAM ยังมุ่งเดินหน้าและผลักดันการเติบโตของธุรกิจให้เป็น “The Best Fund House” ตามวิสัยทัศน์หลักที่บริษัทตั้งใจ โดยที่ผ่านมา SCBAM ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถการบริหารจัดการกองทุนที่เป็นมืออาชีพ สร้างความเชื่อมั่นจนเป็นที่ไว้วางใจของผู้ลงทุนทุกกลุ่มและได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารจัดการเงินลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2567 SCBAM มี AUM อยู่ที่ 1.94 ล้านล้านบาท ครองแชมป์เป็น บลจ. อันดับ 1 ที่มี AUM สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม
และในปี 2568 นี้ SCBAM เชื่อมั่นว่าจะสามารถเดินหน้าสร้างความสำเร็จ ผลักดันให้ AUM เติบโตต่อเนื่องสู่ 2 ล้านล้านบาทได้ ด้วย 3 แนวทางขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน แนวทางแรก คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร ผสานกับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และโซลูชันการลงทุนที่ตรงใจผู้ลงทุน ตอบรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสภาวะตลาดทุนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในส่วนที่สอง คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนด้านการลงทุนที่ SCBAM จะมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมการลงทุนที่ตอบโจทย์ทุกระดับความต้องการ พร้อมกลยุทธ์การลงทุนเพื่อโอกาสสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ เน้นคัดเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลบวกต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และโปร่งใส ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน
และส่วนสุดท้าย คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนด้านการให้บริการที่ SCBAM ขับเคลื่อนภายใต้การจัดการที่เป็นเลิศและรองรับการเติบโตอย่างปลอดภัย โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาการบริการและแพลตฟอร์มการลงทุนที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงได้ง่าย พร้อมสร้างประสบการณ์การลงทุนที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ลงทุนในยุคดิจิทัลนี้ได้อย่างเต็มที่