สกู๊ป..รัฐปลื้ม คนละครึ่งได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในปีนี้ ที่รัฐบาลทยอยออกน่าจะครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นเวลา 3 เดือน, โครงการคนละครึ่ง ที่รัฐบาลจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง โครงการ "ช้อปดีมีคืน" สามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษี สูงสุดคนละ 30,000 บาท และเราเที่ยวด้วยกัน
เรียกได้ว่ารัฐบาลบริหารเงินจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ถูกทางและน่าจะคุ้มค่า เพราะเม็ดเงินหมุนเข้าสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 2แสนล้านบาท ถือว่าครอบคลุมพอที่จะปกป้องไม่ให้เศรษฐกิจไทยซบเซาไปมากกว่านี้
ทั้ง 3 มาตรการ ดูเหมือนว่า โครงการคนละครึ่งจะตอบโจทย์มากที่สุด ก่อให้เกิดการใช้จ่ายในท้องถิ่น กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญ หลังจากที่มีโครงการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาในเฟสแรก เสียงตอบรับดีเกินคาดทำให้รัฐบาลออกเฟส2 ทันที เริ่ม 1มกราคม 2564
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ กระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี จัดงาน“ของดีทั่วไทย” (OTOP Select) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีขึ้น ระหว่างวันที่2 -6 ธันวาคม รวมของดีทั่วประเทศไทย ทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก แฟชั่นเสื้อผ้า มาไว้ที่เดียว จำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และโอทอป กว่า 556 คูหา ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน เปิดช่องให้ผู้ประกอบการระบายสินค้าและเพิ่มรายได้ และที่สำคัญจูงใจให้ประชาชนจับจ่ายมากขึ้น คาดเม็ดเงินหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ด้านผู้ประกอบการร้านค้า ทั้งรายย่อยและรายเล็ก ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการคนละครึ่ง ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติ และอยากให้รัฐบาลต่อมาตรการนี้ไปทั้งปี เพราะได้ประโยชน์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
ขณะที่ยอดผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2563 เวลา 12.0น.มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.9 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิ์แล้วจำนวน 9,526,815 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 33,754 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 17,236 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 16,518 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 181 บาทต่อครั้ง