รีเซต

สรุปไทม์ไลน์ เมตา VS ฮุนเซน หลังสั่งยกเลิกการแบน 6 เดือน

สรุปไทม์ไลน์ เมตา VS ฮุนเซน หลังสั่งยกเลิกการแบน 6 เดือน
TNN ช่อง16
30 สิงหาคม 2566 ( 18:07 )
75
สรุปไทม์ไลน์ เมตา VS ฮุนเซน หลังสั่งยกเลิกการแบน 6 เดือน

เรื่องทั้งหมดนี้เริ่มต้นตั้งแต่ 8 มกราคม 2023 เมื่อสมเด็จฮุนเซน โพสต์วิดีโอหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ของประเทศ ซึ่งจัดขึ้นไปแล้วในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเนื้อหาดังกล่าวมีการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม (The oversight board) ของเมตาในเดือนมีนาคม


หลังจากนั้น ทางคณะกรรมการฯ ได้มีมีมติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ว่าแนะนำให้เมตาลบเนื้อหาดังกล่าวออกจากแพลตฟอร์ม และระงับการเข้าถึงบัญชี (Suspension) ทั้งบนเฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรมหรือไอจี (Instagram: IG) เป็นเวลา 6 เดือน เพราะเนื้อหานั้นมีการโจมตีทางการเมืองที่ไม่เหมาะสม ซึ่ง เมตา ก็ได้ลบเนื้อหา แต่ว่าการระงับบัญชีนั้นทางเมตาขอเวลาพิจารณาก่อน 


การเพิกถอนการแบน “ฮุนเซน” บน Facebook และ IG

และในวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา เมตา ได้แถลงการณ์ผ่านศูนย์รายงานความโปร่งใส (Transparency Center) ของตน ว่าได้ยกเลิกการแบนบัญชีสมเด็จฮุนเซน โดยให้เหตุผลว่าการแบนนั้นอยู่นอกเหนือนโยบายการดูแลเนื้อหาบนแฟลตฟอร์มที่แยกจากการจัดการเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสวนทางกับคำแนะนำของคณะกรรมการฯ ก่อนหน้านี้ 


ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมของกัมพูชาได้โพสต์บนเฟซบุ๊กของตนเองเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่าพอใจกับการตัดสินใจของเฟซบุ๊กในครั้งนี้ แต่สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่ารัฐมนตรีนั้นเห็นแย้งกับการตัดสินใจของคณะกรรมการฯ ที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องปัญหาภายในประเทศ 


เมตา VS บอร์ดเนื้อหาเมตา VS ฮุนเซน

เดิมทีแล้วเมตามองว่าวิดีโอของสมเด็จฮุนเซนที่โพสต์ไปแล้วนั้น เป็นเนื้อหาที่เข้าข่ายเนื้อหาที่มีคุณค่าเชิงข่าวสาร (Newsworthiness Allowance) ตามนโยบายเนื้อหาของเมตา ซึ่งมองว่าไม่ขัดต่อกฎของชุมชน แต่มุมมองที่แตกต่างนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เพราะคณะกรรมการฯ กับตัวเมตานั้นเป็นอิสระต่อกัน 


โดยก่อนหน้าที่บัญชีของสมเด็จฮุนเซนจะถูกแบน พบว่าโปรไฟล์ของสมเด็จฮุนเซนมีผู้ติดตามมากกว่า 14 ล้านคน ซึ่งเกือบใกล้เคียงกับจำนวนประชากรในกัมพูชา และแม้ว่าสมเด็จฮุนเซนจะลบบัญชีตอบโต้การตัดสินของคณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหา แต่ว่าก็อาจเห็นสมเด็จฮุนเซนกลับมาใช้งานแพลตฟอร์มอีกครั้งในอนาคตก็เป็นได้



ที่มาข้อมูล EngadgetReutersWikipedia

ที่มารูปภาพ Wiki CommonsUnsplash


ข่าวที่เกี่ยวข้อง