เฟดชี้ 'การฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ' ขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีนโควิด-19
วอชิงตัน, 13 ม.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันอังคาร (12 ม.ค.) เอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาบอสตัน กล่าวว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แก่ประชาชนในวงกว้าง ขณะที่พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วประเทศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
"ในภาพรวม ตัวชี้วัดบ่งชี้ถึงปัญหาระยะใกล้ที่มาจากการติดเชื้อเพิ่มขึ้นและปัญหาด้านสาธารณสุขที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงชัดเจนว่าการฟื้นตัวระยะใกล้นั้นขึ้นอยู่กับการฉีดวัคซีนที่รวดเร็วและเป็นวงกว้าง" โรเซนเกรนกล่าวระหว่างการประชุมทางออนไลน์ที่จัดโดยหอการค้าเกรทเตอร์บอสตัน"แต่จนถึงขณะนี้อัตราการฉีดวัคซีนยังน่าเป็นกังวล ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประเทศและเศรษฐกิจในระยะใกล้" เขากล่าวพร้อมเสริมว่าวิธีการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจนั้นขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอันดับแรก และหากปราศจากนโยบายทางสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ เชื้อไวรัสก็จะยังคงเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจอันใหญ่หลวงต่อไป"โรเซนเกรนกล่าวว่าขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตแค่พอประมาณจนกว่าจะมีการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้าง คาดว่าจะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ด้วยการสนับสนุนทางการคลังและการเงินที่สำคัญ"ผมยังคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในระดับใกล้ร้อยละ 0 จะเป็นระดับที่เหมาะสมตลอดทั้งปีนี้ และธนาคารกลางสหรัฐฯ จะซื้อสินทรัพย์ระยะยาวต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง" โรเซนเกรนกล่าวเมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับใกล้ร้อยละ 0 ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับนี้อย่างน้อยไปจนถึงปี 2023ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นด้วยว่าจะดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ต่อไปด้วยอัตราปัจจุบัน ที่ 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.59 ล้านล้านบาท) ต่อเดือนเป็นอย่างน้อย จนกว่าจะเห็นความก้าวหน้าสำคัญในด้านการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ