ThaiWORKS ไม่ใช่แค่ปัดฝุ่น OTOP แต่คือเดิมพัน Soft Power ไทยในเวทีโลก

วิสัยทัศน์จากอดีตผู้นำ สู่อนาคต Soft Power ไทย

วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond” บนเวที SPLASH soft power forum 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8–11 กรกฎาคม โดยมีรัฐมนตรี นักการเมือง และบุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทยร่วมรับฟังอย่างพร้อมหน้า นำโดย นางแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

บรรยากาศภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยความสนใจต่อแนวคิดการต่อยอดจากโครงการ OTOP สู่ ThaiWORKS ซึ่ง ดร.ทักษิณเสนอว่า ต้อง “คิดใหม่ ทำใหม่” เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากภาวะชะงักงัน ในขณะที่โลกกำลังเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว

จาก OTOP สู่ ThaiWORKS โมเดลใหม่ที่ฝันไกลแต่ยืนบนความจริง

ดร.ทักษิณเล่าย้อนถึงที่มาของโครงการ OTOP ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากประเทศญี่ปุ่น และได้ผลักดันให้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้แก่ชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมด้านการออกแบบและการตลาด

ต่อมา ดร.ทักษิณจึงริเริ่มแนวคิด ThaiWORKS ซึ่งเปรียบเสมือนการปัดฝุ่นและยกระดับ OTOP ให้ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ ผ่านการออกแบบร่วมสมัย และการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่กัน โดยมีการร่วมงานกับ Peter Arnell นักสร้างแบรนด์ระดับโลก เพื่อยกระดับสินค้าไทยสู่เวทีโลกในรูปแบบ “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งโรงงาน” หรือ One Village, One Factory

ไทยต้องเลิกอิจฉากันเอง ถ้าอยากใช้ Soft Power ให้เกิดผล

ในช่วงสำคัญของการกล่าวสุนทรพจน์ ดร.ทักษิณได้กล่าวถึง “Soft Power” ว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ โดยเฉพาะในยุคที่ AI กำลังเข้ามาแทนที่มนุษย์ในหลายด้าน “สิ่งที่ AI ไม่มี คือ หัวใจและจินตนาการของมนุษย์” เขากล่าว พร้อมระบุว่าจุดแข็งของไทยคือ “ความยูนีค” และ “สตอรี่” ซึ่งสามารถส่งออกได้หากมีการจัดการอย่างเป็นระบบ

เขาเสนอให้รัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดนตรี และแพลตฟอร์ม Streaming อย่างจริงจัง และเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับ ThaiWORKS ซึ่งจะลงลึกถึงระดับหมู่บ้าน ไม่ใช่เพียงแค่คำขวัญนโยบายในกระดาษ

อย่างไรก็ตาม ดร.ทักษิณเน้นว่า การเดินหน้าทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในรูปแบบ Soft Power จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากสังคมไทยยังตกอยู่ในวังวนของความอิจฉาริษยา เขาย้ำว่า “Soft Power ไทยจะไปได้ ถ้าสังคมเลิกอิจฉาริษยา และหันมาเกื้อกูลกัน”

เยี่ยมชม 14 บูธ Soft Power ตั้งแต่มวยไทยถึง ThaiWORKS

ภายหลังจากจบการแสดงวิสัยทัศน์ ดร.ทักษิณ ได้เดินเยี่ยมชมบูธนิทรรศการของทั้ง 14 อุตสาหกรรมในงาน โดยเริ่มจากโครงการ THAI FACE TOP MODEL ที่นำเสนอความงามไทยในเวทีแฟชั่นโลก ต่อด้วยบูธมวยไทยที่มีการมอบนวมที่ระลึกให้กับดร.ทักษิณและแพทองธาร

ในช่วงเวลาเดียวกัน เขายังได้แวะไปเยี่ยมชมบูธอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ดนตรี และสุดท้ายคือบูธ ThaiWORKS ซึ่งเป็นโครงการที่เขาผลักดันอย่างจริงจัง โดยหวังจะให้เป็นกลไกใหม่ในการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนด้วยพลังของวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์