'โนนมาลัย' โมเดล กัญชา 6 ต้น สู่พืชเศรษฐกิจ
จากปาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าเหลือแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างจะลงเอย คนไทยจะปลูกกัญชาได้ครัวเรือนละ 6 ต้น ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลชุดนี้
ทั้งหมดถือเป็นการเริ่มนับหนึ่งของการเริ่มโครงการ ผลพวงตามมาระหว่าง “ลบ” กับ “บวก” อย่างไหนจะมากกว่ากัน ยังไม่มีใครทราบได้
แต่นโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ได้หาเสียงไว้ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง คือชูการ “ปลูกกัญชาเสรี” จนกระทั่งพรรคภูมิใจไทยได้เข้าร่วมรัฐบาล
“อนุทิน” ได้นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะผลักดันนโยบาย “กัญชาเสรี” ให้เป็นนโยบายเร่งด่วน และขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ภาคประชาชนโดยเฉพาะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่างรวมกลุ่มตั้งวิสาหกิจชุมชนเป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมความพร้อม
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนหลายกลุ่มเป็นวงกว้าง ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะ “กัญชา” ตามข้อกฎหมายยังขึ้นว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จะมีความผิดทันที หากเสพ ค้า หรือปลูก
แต่ “พรรคภูมิใจไทย” ได้พยายามผลักดันให้นโยบายของพรรคเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในนาม “กัญชาเสรีทางการแพทย์”
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายอนุทินลงพื้นที่ที่ “บ้านโนนมาลัย” ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเปิดงาน “การปลูกกัญชาโมเดล 6 ต้น โนนมาลัย”
ซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งแรกที่สามารถนำกัญชาไปปลูกที่บ้านตัวเองได้ครอบครัวละ 6 ต้น นำร่องก่อน 7 หลังคาเรือน
โดยมีการร่วมมือระหว่างผู้นำหมู่บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โนนมาลัย และทำตามกรอบข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายอนุทินย้ำระหว่างเดินทางมาเปิดงานด้วยว่า โครงการดังกล่าว “เป็นนโยบายเร่งด่วน” ของรัฐบาล จะต้องเร่งทำให้เกิดรูปธรรมให้เร็วที่สุด โดยตอนนี้ได้ยื่นขอแก้กฎหมายบางส่วนที่ติดขัด เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง สรุปตอนนี้ กัญชาหลังคาเรือนละ 6 ต้น เหลือขั้นตอนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นประชาชนจะปลูกกัญชาครอบครัวละ 6 ต้น ได้ทั้งประเทศ
โดยจะร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงศึกษาธิการ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีส่วนในการสนับสนุนพันธุ์กัญชาที่มีคุณภาพให้แก่เกษตรกร รวมทั้งในอนาคตจะช่วยรวบรวมเมล็ดพันธุ์กัญชาและกัญชงเพื่อกระจายให้เกษตรกรและผู้ประกอบการด้วย
ส่วนกระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จะช่วยอบรมผู้ประกอบการที่ต้องการนำกัญชาและกัญชงไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ และประกอบธุรกิจบริการที่มีกัญชาและกัญชงเป็นส่วนประกอบ
“อนุทิน” กล่าวเพิ่มเติมถึงการปลูกกัญชา 6 ต้น ว่า ระยะที่สองของการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ คือ การขับเคลื่อนให้เป็นพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับชุมชน กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาเห็นแล้วว่าการดำเนินการในลักษณะนี้จะมีประโยชน์ต่อประชาชนและระบบสุขภาพ จึงจะนำรูปแบบนี้ไปดำเนินการในทุกเขตสุขภาพ โดยเน้นหลักการคือ ให้ประชาชนรวมตัวกันวิสาหกิจชุมชน และสามารถปลูกได้ที่บ้าน เพราะจะช่วยเกษตรประหยัดต้นทุนในการปลูกได้มาก และเมื่อปลูกแล้วส่งให้โรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานการผลิตที่ดีรับไปผลิตยาให้ผู้ป่วย
โดยเกษตรกรจะมีรายได้จากการจำหน่ายดอกกัญชาให้แก่สถานพยาบาลและใช้ส่วนที่ไม่ใช่ยาเสพติด ได้แก่ ราก ใบ กิ่งก้านในการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพ หรือจำหน่ายให้ผู้ประกอบการที่สนใจต่อไปได้ หรือสามารถใช้ประโยชน์ในครัวเรือน
โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจะจัดระบบการควบคุมกำกับให้ง่ายต่อเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ตอนนี้สิ่งที่หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการคือ การขับเคลื่อนปลายน้ำ เพราะในหลักการทางการตลาดแล้ว ธุรกิจจะยั่งยืนต้องมีตลาด หรือมีผู้ซื้อ
ดังนั้น เราจึงพยายามทำหลายโครงการ ทั้งการสร้างหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนการใช้กัญชาแก่แพทย์และแพทย์แผนไทย การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต้นแบบ ซึ่งในวันนี้โรงพยาบาลคูเมืองและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโนนมาลัย ก็ได้นำผลิตภัณฑ์มาจัดแสดงตัวอย่าง เพื่อเป็นไอเดียให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ สามารถนำไปทำต่อได้ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้ของกระทรวงสาธารณสุขจะมีการนำไปจัดแสดงในงานมหกรรม “กัญชา กัญชง 360 องศา”
ด้าน นิเวศ พิพัฒนติกานันท์ อายุ 56 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาและกัญชง ได้ออกมาระบุว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีของประชาชนชาวไทยที่จะได้สัมผัสสมุนไพรไทยที่ถูกปิดกั้นมานานแสนนาน เหมือนการเอาผู้ร้ายมาเป็นคนดี เพราะกัญชาเป็นสมุนไพรที่บรรพบุรุษเราใช้กันมายาวนาน
เช่น การนำกัญชาเอามาปรุงอาหาร เท่ากับเป็นสูตรยาในตำรับ เพราะถ้ามารวมกับพริก เครื่องแกง ขิง ข่า ตะไคร้ เท่ากับเราได้กินอาหารเป็นยา ทำให้อาหารธรรมดาเป็นอาหารที่มีคุณค่า ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
“นิเวศ” ยังกล่าวด้วยว่า ถ้ารัฐบาลให้ประชาชนได้ปลูกทั้งกัญชาและกัญชงได้ ส่วนตัวเชื่อว่าจะสร้างเศรษฐกิจได้อย่างแน่นอน กัญชาจะมีคุณสมบัติทำให้หลับ คลายเครียด เหมาะสำหรับเอามาปรุงเป็นยาแก้ได้หลายโรค
ส่วนกัญชง จะมีคุณสมบัติทำให้ตื่น แต่เสพไม่ได้ ทำให้กลุ่มบริษัทผลิตเครื่องดื่มชูกำลัง เริ่มเปิดตัวรับผลผลิตแล้วในตอนนี้
ขณะที่ พยุงรัตน์ ชาเรืองเดช ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน “บ้านกัญชา” และสมาชิกสภาจังหวัด (ส.จ.) บุรีรัมย์ ได้ออกมากล่าวในลักษณะเดียวกันว่า ตอนนี้จังหวัดบุรีรัมย์ได้เปิดขอก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการประกาศของรัฐบาลที่จะให้ปลูกกัญชาเสรีได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนคนที่พยายามต่อต้านว่าเป็นยาเสพติดนั้น ส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องของกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่แล้ว ถ้ามองในผลลบกับผลบวกแล้ว การส่งเสริมปลูกกัญชาทางการแพทย์ดีกว่าอย่างแน่นอน
“กัญชา” จากภาพที่เคย “ต้องห้าม” ในสายตาของกฎหมายไทย เมื่อปรับบทบาทเป็นพระเอกที่มีสรรพคุณทางยาอย่างชัดเจน ต้องใช้เวลาสร้างความรับรู้อีกระยะหนึ่ง
รวมถึงมาตรการการควบคุมดูแลหลายด้าน ทั้งการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งการเสพเป็นยาเสพติด ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของนโยบายนี้
จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการด้วยความเข้าใจในประโยชน์มหาศาลที่จะเกิดขั้น และด้านที่เป็นโทษอย่างถ่องแท้