ทรัมป์ลงนามคำสั่งผ่อนคลายกฎกัญชา

คำสั่งของทรัมป์กำหนดให้รัฐมนตรียุติธรรมเร่งดำเนินการปรับสถานะการจัดประเภทกัญชา ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล กระบวนการดังกล่าวอาจนำไปสู่การจัดให้กัญชาอยู่ในกลุ่มเดียวกับยาแก้ปวดทั่วไป, เคตามีน และฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ในฐานะสารที่มีอันตรายน้อยกว่า

การตัดสินใจเช่นนี้ จะนับเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงนโยบายกัญชาระดับรัฐบาลกลางที่สำคัญที่สุดในรอบหลายสิบปี และอาจพลิกโฉมอุตสาหกรรมกัญชา, ลดบทลงโทษทางอาญา, เปิดทางให้เงินทุนวิจัยมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และช่วยเปิดประตูที่เคยปิดตายสำหรับธนาคารและนักลงทุน อย่างไรก็ตาม กัญชายังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในระดับรัฐบาลกลาง และยังอยู่ภายใต้กฎหมายท้องถิ่นที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ

ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “มีผู้คนจำนวนมากวิงวอนให้เขาทำเรื่องนี้ คนที่ต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงมานานหลายสิบปี” 

ด้านสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ หรือดีอีเอ (DEA) จะต้องทบทวนข้อเสนอในการจัดให้กัญชาเป็นยาในบัญชีประเภทที่ 3 (Schedule III) ภายใต้กฎหมายควบคุมสารเสพติดของสหรัฐฯ และจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการปรับสถานะดังกล่าว โดยขณะนี้ เนื้อหาของคำสั่งของทรัมป์ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลระบุว่า วัตถุประสงค์หลักของคำสั่งนี้คือการเพิ่มการวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงและศักยภาพในการรักษาโรค ขณะที่ศูนย์บริการ Medicare และ Medicaid ของสหรัฐฯ มีแผนจะอนุญาตให้ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์บางส่วนใช้ผลิตภัณฑ์ ซีบีดี (CBD) ที่สกัดจากกัญชง

กัญชาเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายที่มีการใช้มากที่สุดในโลกและในสหรัฐฯ โดยเกือบหนึ่งในห้าของประชากรสหรัฐฯ ใช้กัญชาในแต่ละปี ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ชาวอเมริกันหลายล้านคนเคยถูกจับกุมในข้อหาครอบครองกัญชา แม้ในขณะเดียวกัน ธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาก็ตาม

ภายใต้กฎหมายควบคุมสารเสพติดของสหรัฐฯ ปัจจุบันกัญชาถูกจัดอยู่ในบัญชีประเภทที่ 1 (Schedule I) เช่นเดียวกับเฮโรอีน, ยาอีและเพโยเต ซึ่งหมายความว่าสารดังกล่าวมีศักยภาพในการเสพติดสูง และไม่มีการยอมรับทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ ขณะที่ยาในบัญชีประเภทที่ 3 ถูกมองว่ามีความเสพติดต่ำกว่า และมีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้อย่างถูกต้อง

แม้จะมีการปรับสถานะใหม่ กัญชาก็ยังคงถูกจัดเป็นสารควบคุมในระดับรัฐบาลกลาง และการใช้งานยังอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวด รวมถึงบทลงโทษทางอาญา