FDA สหรัฐฯ รับรองยาป้องกันเชื้อ HIV แบบฉีดเป็นครั้งแรก !!
Human Immunodeficiency Virus (HIV) นับเป็นหนึ่งในไวรัสที่วงการแพทย์หาวิธีต่อสู้มาอย่างเนิ่นนาน ซึ่งปัจจุบันมียาต้านไวรัสและยาป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงเพียงพอให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวเท่าคนทั่วไป
และล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ได้ปรับปรุงสูตรยาป้องกันการติดเชื้อ HIV ให้อยู่ในรูปแบบฉีด ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา สหรัฐฯ (FDA) ให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว
สำหรับการป้องกันการติดเชื้อ HIV ในปัจจุบัน นอกจากการป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยก่อนมีเพศสัมพันธ์แล้ว ยังมีการใช้ยาป้องกันชนิดรับประทานแบบ PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ซึ่งจะต้องรับประทาน "ก่อน" การมีเพศสัมพันธ์หรือ "ก่อน" สัมผัสเชื้อ โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 99% (ถึงกระนั้นก็ควรป้องกันด้วยการสวมถุงยางด้วย) ในขณะที่ยาป้องกันชนิดรับประทานแบบ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) คือยาป้องกันฉุกเฉิน รับประทานเมื่อพบว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ "หลัง" การมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสเชื้อ โดยจะต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมง และรับประทานติดต่อกันนาน 28 วัน
ทั้งนี้ เนื่องจากการรับประทานยาป้องกันจะต้องรับประทานยาติดต่อกันทุกวัน นักวิทยาศาสตร์จึงต้องการคิดค้นยาป้องกันแบบยาฉีด โดยการฉีดครั้งเดียวแล้วออกฤทธิ์ได้นานเช่นเดียวกับการฉีดยาคุมป้องกันการตั้งครรภ์ เพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ด้วย
สำหรับยาฉีดป้องกัน HIV นี้มีชื่อทางการค้าว่า Apretude หรือชื่อสามัญคือ Cabotegravir extended-release injectable suspension เป็นการนำยา Cabotegravir (คาโบทีเกรเวียร์) ซึ่งเดิมเป็นยาป้องกันแบบ PrEP มาทำให้อยู่ในรูปแบบยาฉีด
ตำรับการใช้ยาฉีด Apretude จะเริ่มต้นจากการฉีดยาให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อในอนาคตทั้งหมด 2 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 1 เดือน จากนั้นให้ฉีดทุก ๆ 2 เดือน ประสิทธิภาพในการป้องกันนั้นไม่ต่างจากยาชนิดรับประทาน อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาเรื่องการรับประทานยาไม่ต่อเนื่องได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การใช้ Apretude อาจพบผลข้างเคียงได้มากกว่ายาป้องกันชนิดรับประทาน เช่น ปวดศีรษะ, ไข้, ปวดหลัง, อ่อนเพลีย, ปวดกล้ามเนื้อ, ผื่น หรืออาการปวดบวมตำแหน่งฉีดยา อีกทั้งยังมีราคาต่อเข็มค่อนข้างสูง คือเข็มละ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 125,000 บาท
สำหรับการนำไปใช้ทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกา แพทย์อาจแนะนำยาฉีดให้ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง ในขณะที่บุคคลทั่วไปที่เข้ามารับคำปรึกษาจะแนะนำให้ใช้ยาป้องกันแบบรับประทานก่อน เว้นเสียแต่บุคคลดังกล่าวยืนยันขอรับยาป้องกันแบบฉีด เนื่องจากขณะนี้ประกันสุขภาพยังไม่ครอบคลุมสิทธิ์การรับยา Apretude จึงอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากแนะนำให้ใช้เป็นยาเริ่มต้นนั่นเอง
ส่วนการแจกจ่ายยาฉีด Apretude ไปยังประเทศต่าง ๆ ที่สั่งซื้อเข้ามานั้น คาดว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 2022
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Live Science