BAเล็งยอดโดยสาร4.4ล. ชูเที่ยวบูม-ลุ้นพลิกกำไร
#BA #ทันหุ้น-BA ส่งซิกผลงานไตรมาส 1/2566 พุ่ง มองภาพรวมการท่องเที่ยวปี 2566 ฟื้นตัว คาดยอดขนส่งผู้โดยสารรวมแตะที่ระดับกว่า 4.4 ล้านคน และ Load Factor เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 73-74% กางแผนปรับลดฝูงบินอยู่ที่ระดับ 26-28 ลำ จากสิ้นปี 2565 ที่ 35 ลำ มีลุ้นปี 2566 พลิกกำไร
นายอนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายงานการเงินและบัญชีบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2566 มีการขยายตัวที่ค่อนข้างดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ทำให้เห็นถึงเพิ่มขึ้นของปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารในปัจจุบัน
ยอดขนส่ง 4.4 ล.
ประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19รวมถึงมาตรการควบคุมต่างๆ ที่คลายตัวลง ทำให้คาดว่าปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศในช่วงเดือนมีนาคม 2566 จะขยายตัวได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2 เดือนแรกของปีนี้ ส่งผลให้บริษัทคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 จะมีการเติบโตที่ดีกว่าทั้งเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทคาดว่ายอดรวมขนส่งผู้โดยสารจะแตะที่ระดับมากกว่า 4.4 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 75-80%เมื่อเทียบกับฐานปีปกติ 2562 ที่เคยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 5.9 ล้านราย ในส่วนของอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ทั้งปีนี้บริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 73-74% เพิ่มขึ้นจากเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ระดับเฉลี่ย 76.1%
และหากสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดี โดยไม่มีปัจจัยลบใหม่เข้ามากระทบรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา ก็มองว่ามีโอกาสที่ในปี 2566 นี้ จะกลับมาพลิกทำกำไรได้ ส่วนปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (RPK) และปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) ในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
จัดพอร์ตฝูงบิน
ขณะเดียวกันจากการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนจะเปิดเที่ยวบินและเส้นทางการบินใหม่ๆ เพิ่มเติม เพิ่มให้สอดรับการดีมานด์การท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยจะพิจารณาตามยอดจองตั๋วในแต่ละเส้นทางการบินตามความเหมาะสมของช่วงเวลา ซึ่งมองว่าในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 จะเปิดเส้นทางการบิน สมุย–เฉินตู (จีน) และ สมุย-ฉงชิ่ง (จีน) เพื่อรองรับการท่องเที่ยวของชาวจีน
ส่วนแผนการจัดการฝูงบินในปีนี้คาดว่าสิ้นปี 2566 จะคงเหลือฝูงบินอยู่ที่ระดับ 26-28 ลำ จากสิ้นปี 2565 ที่มีจำนวน 35 ลำ โดยบริษัทจะมีการส่งมอบเครื่องบิน Airbus A320จำนวน 3-5 ลำ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 8ลำ (คงเหลือในฝูงบินไว้ 3-5 ลำ), ATR72-500 จำนวน 1 ลำ และ ATR72-600จำนวน 3 ลำ (คงเหลือไว้ในฝูงบิน 10 ลำ) เป็นต้น ภายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 นี้
"การที่จีนยกเลิกมาตรการ Zero Covid มองว่าจะส่งผลต่อภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยให้ฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น ส่วนจะส่งผลต่อ BA ด้วยหรือไม่ มองว่าก็มีส่วนอยู่บ้างแต่ไม่มาก เนื่องจากสัดส่วนลูกค้าชาวจีนมีไม่มากนัก และมองว่าสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงข้อกำหนดบางประการจะเริ่มคลายตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และกลับไปสู่ระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงที่ก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด"นายอนวัช กล่าว
ปี 65 ขาดทุนลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 12,742.1 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายบัตรโดยสาร 609.8% รายได้จากธุรกิจสนามบิน 465.4% และรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามบิน 71.6% มีค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 69% จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายและค่าบริการผู้โดยสารเป็นหลัก และมีผลขาดทุนลดลง 75.3% หรือ มีผลขาดทุนอยู่ที่ 2,125.9 ล้านบาท
ปี2565 บริษัทมียอดขนส่งผู้โดยสารรวม 2.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 394.8% และมีจำนวนเที่ยวบินที่ให้บริการรวม 29,892 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 243.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 และมีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่76.1% มีราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 3,150.8 บาท หรือเพิ่มขึ้น 48.7% โดยให้บริการเส้นทางบินทั้งหมด 24 เส้นทาง ประกอบไปด้วยเส้นทางบินในประเทศ 17 เส้นทาง และ เส้นทางบินระหว่างประเทศ 7 เส้นทาง