ญี่ปุ่นไม่พอใจทรัมป์ จากคำพูดเปรียบเทียบ โจมตีอิหร่านเหมือนทิ้งระเบิดปรมาณูใส่ฮิโรชิมา-นางาซากิ

เจ้าเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ ตลอดจนผู้รอดชีวิตจากเหตุระเบิดปรมาณู 2 ลูกที่สหรัฐฯ ทิ้งใส่เมื่อปี 1945 ได้ออกมาประณามอย่างหนัก ต่อกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พูดเปรียบเทียบเหตุโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน กับกรณีฮิโรชิมา และนางาซากิ ชาวเมืองชี้ว่า คำพูดของทรัมป์ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ชิโระ ซูซูกิ นายกเทศมนตรีเมืองนางาซากิ กล่าวประณามทรัมป์ โดยชี้ว่า การพูดถึงเรื่องการใช้อาวุธนิวเคลียร์นั้น “เป็นเรื่องที่รับไม่ได้” ไม่ว่าจะในสถานการณ์เช่นใด และควรเรียนรู้จากบทเรียนที่ตัวเองก่อ กับการทิ้งระเบิดใส่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1945
ระเบิด “แฟตแมน” ที่ถูกทิ้งใส่นางาซากิ คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 80,000 คน และอีหลายหมื่นคนเสียชีวิตก่อนที่จะสิ้นสุดปี 1945 จากกัมมันตรังสีที่รุนแรง
ส่วนระเบิด “ลิตเติลบอย” ที่ถูกทิ้งใส่ฮิโรชิมา สังหารผู้คนเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1945 ทั้งทางตรง และในเวลาต่อมา ระหว่าง 90,000 - 166,000 คน
ทั้งนี้ คำพูดของทรัมป์ที่กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับมาร์ก รุทเทอร์ เลขาธิการนาโต ที่กรุงเฮก ของเนเธอรแลนด์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) ระบุว่า “ความเสียหายที่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้นหนักหนามาก การโจมตีนี้ทำให้สงครามสิ้นสุดลง ผมไม่ต้องการจะหยิบเหตุการณ์ฮิโรชิมาและนางาซากิมาเป็นตัวอย่าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเหมือนกันเลย มันคือตัวสิ้นสุดสงคราม”
นอกจากนี้ ในการแถลงข่าวในวันเดียวกัน ทรัมป์ก็ยังคงกล่าวถึงเหตุทิ้งระเบิดปรมาณูทั้ง 2 เหตุการณ์นั้นอีกครั้ง
“หากคุณดูที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ คุณจะเห็นว่ามันทำให้สงครามจบลง ในหนทางที่แตกต่างกันไป”
ด้านหน่วยงานเพื่อสันติในนางาซากิ ได้ยื่นอุทธรณ์ร่วมเมื่อวันศุกร์ไปยัง 193 ประเทศสมาชิกยูเอ็น และเลขาธิการยูเอ็น อันโตนิโอ กูแตร์เรส ที่แม้จะไม่ได้กล่าวถึงชื่อของผู้นำสหรัฐฯ โดยตรง แต่ข้อความก็ชัดเจนว่า
“80 ปีแล้วกับการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และนับเป็นการใช้ระเบิดปรมาณูครั้งแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ - ผู้คนจำนวนมาก ยังคงได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางทหาร แม้จะมีความพยายามด้านการทูตเพื่อให้บรรลุซึ่งข้อตกลงสันติภาพจากเหตุความขัดแย้ง การใช้กำลังต่อประเทศใด ๆ นำมาสู่ผลลัพท์ที่ทำให้ชีวิตผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสีย นับเป็นสิ่งที่รับไม่ได้โดยสิ้นเชิง”
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ออกแถลงการณ์เช่นกัน แต่เลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวัง พยายามไม่สร้างความขัดแย้งกับทรัมป์
ฮิโรชิ นิชิโอกะ วัย 93 ปี ผู้รอดชีวิจากสงคราม กล่าวกับสำนักข่าว NHK ว่า “สิ่งที่เรากลัวที่สุด คือ การสร้างความชอบธรรมในการใช้ระเบิดปรมาณู เราจำเป็นจะต้องส่งเสียงให้ดัง และย้ำว่า ไม่ควรมีการใช้มันอีก”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
