FORTH ประมูลงานเติมพอร์ต เร่งขยายตู้เต่าบินชน5,000ตู้

นายชัชวิน  พิพัฒน์โชติธรรม  ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH เปิดเผยว่า คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตกว่าปีก่อน โดยธุรกิจในกลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่น รับงานโครงการจัดหาจัดจ้างและวางระบบต่างๆ คาดว่าจะเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่งานทางด้านกลุ่มธุรกิจอีเอ็มเอส  จัดหาและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนหน้านี้บริษัทได้รับงานพาวเวอร์บอร์ด (POWER BOARD) ของบริษัทค่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปี 2565 บริษัทจะทยอยส่งมอบงานออเดอร์ล็อตใหม่นี้ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง

*ขยายตู้เต่าบิน 5 พันตู้

ด้านธุรกิจ Tao Bin Café คาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าเพิ่ม 5,000 ตู้ จากปี 2564 ที่มีตู้ทั้งหมด 500-600 ตู้ ปัจจุบันได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยปัจจุบันมีการติดตั้งตู้ต่อเนื่อง และบริษัทมีเป้าหมายปี 2567 ว่าจะสามารถติดตั้งได้ถึงระดับ 20,000 ตู้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่เป็น Recurring Income เพิ่มมากขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุถึง FORTH ว่าจะมีผลประกอบการในปี 2565 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหนุนจาก 1.ธุรกิจอีเอ็มเอส ที่มีปัจจัยหนุนจากการรับจ้างผลิต Power Board จากลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการเร่งผลิตตู้เต่าบิน และ 2.ธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส ที่คาดว่าจะเห็นการรับรู้รายได้จากบริการต่างๆ ที่เปิดตัว ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 เช่น บริการถอนเงิน การเป็นตัวแทนธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น บริการสินเชื่อรายย่อย และบริการเคาน์เตอร์แคชเชียร์ รวมถึงบริการใหม่ ที่เตรียมเปิดตัว เช่น บริการโอนเงินต่างประเทศ

นอกจากนี้ ตู้เต่าบินที่เป็น New S-Curve จะเห็นการขยายจุดบริการแบบก้าวกระโดด โดยมีกระแสตอบรับที่ดี แม้ว่าปัญหาขาดแคลนชิปจะทำให้ บริษัทปรับลดเป้าในการตั้งตู้เต่าบินลงเหลือ 4,000-5,000 ตู้ในปี 2565 แต่บริษัทยังคงเป้าที่จะขยาย 20,000 ตู้ภายใน 2 ปี

*ลุ้นเซ็นสัญญางานใหม่

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่น ยังต้องลุ้นงานประมูลจากภาครัฐ แต่บริษัทยังมี Backlog กว่า 9,700 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 จะเริ่มมีการเซ็นสัญญามูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ได้ ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลดลง 3.7% เนื่องจากผลกระทบของชิปที่ขาดตลาด รวมถึงกำลังซื้อในประเทศลดลง ทำให้บริษัทปรับเป้าในการขยายตู้เต่าบินลดลงเหลือเพียง 4,000-5,000 ตู้ในปี 2565 (จากเดิมที่ 10,000 ตู้) จึงได้ปรับประมาณการรายได้ในปี 2565 ลดลง 7.2% มาอยู่ที่ 9,790 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2565 ลดลง 3.7% มาอยู่ที่ 948 ล้านบาท แนะนำเป็น “เก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2565 ที่ 20.80 บาท เพราะมองว่าธุรกิจอีเอ็มเอสและธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรซ์ โซลูชั่น จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง