ช่างภาพจะเหลืออะไร เมื่อเอไอทำได้ขนาดนี้?

ช่วงนี้ ในโซเชียลมีเดีย เราคงได้เห็นคนโพสต์รูปภาพของตัวเองที่ถ่ายสวยยังกับภาพขึ้นปกนิตยสารที่ถ่ายจากสตูดิโอถ่ายภาพและตากล้องระดับแนวหน้าของประเทศ แต่จริง ๆ แล้วเป็นภาพที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมเอไอ ที่บอกเลยว่าดูเหมือนจริงจนไม่สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นภาพที่สร้างจากเอไอ ถ้าหากเราไม่เห็นว่ามีคนโพสต์รูปภาพลักษณะเดียวกันซ้ำกันหลาย ๆ คน ก็ต้องคิดว่านี่เป็นภาพที่ถ่ายด้วยตากล้องมืออาชีพที่เป็นคนจริง ๆ แน่นอน และหากจะถ่ายภาพที่มีการจัดแสง การจัดฉาก การแต่งตัวที่ดูดีแบบนี้ คงต้องใช้งบประมาณหลักหมื่นหรือหลายหมื่นบาท ในการจ้างตากล้อง จ้างช่างแต่งหน้า ช่างทำผม จัดหาเสื้อผ้า แต่เอไอสามารถสร้างภาพให้ได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อเอไอสามารถสร้างภาพเหมือนจริงได้ขนาดนี้ หรืออาจจะดูดีกว่าความเป็นจริงเสียด้วยซ้ำ ไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องเสียเวลา แล้วอนาคตของอาชีพช่างภาพหรือตากล้องจะเป็นอย่างไรต่อไป? หรือว่านี่จะเป็นจุดจบของอาชีพตากล้อง?
ที่ผ่านมา การถ่ายภาพเป็นหนึ่งในวิธีการสื่อสารที่ทรงพลังและเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งที่ทรงคุณค่า เป็นวิธีบันทึกภาพความจริงที่เคยเกิดขึ้นในช่วงขณะหนึ่ง ภาพถ่ายจึงมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่มีคุณค่าในเรื่องการบันทึกความทรงจำส่วนตัว และยังเป็นงานศิลปะที่ตากล้องสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายแนวใหม่ ๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกหรือสื่อสารอะไรบางอย่างออกมาให้กับผู้ชม
แต่ในยุคนี้ เรามีเทคโนโลยีเอไอที่สามารถสร้างภาพได้แทบจะทุกอย่างที่เราต้องการ ซึ่งภาพที่ออกมามีความเหมือนจริงจนเราต้องตกใจ แน่นอนว่าเรื่องนี้ ส่งผลกระทบต่อวงการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งครั้งหนึ่งหากใครอยากจะมีภาพถ่ายสวย ๆ ก็ต้องพึ่งคนที่เป็นตากล้อง ทำให้คนที่ถ่ายรูปเก่ง ๆ มีกล้องดี ๆ ใช้ มักจะเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มเพื่อนฝูง อาชีพตากล้องก็เป็นอาชีพยอดนิยมที่สร้างรายได้สูง ไม่ว่าจะเป็นตากล้องถ่ายแบบ ตากล้องท่องเที่ยว หรือตากล้องภาพข่าว การมาถึงของเทคโนโลยีเอไอ จึงทำให้ช่างภาพทั่วโลกกังวลถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของอาชีพตัวเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้คนในยุคนี้จะหันมาใช้เอไอสร้างภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติ ที่อาจเรียกยอดไลค์ ยอดวิวได้ในโซเชียลมีเดีย แต่ภาพเหล่านั้นก็ยังไม่ใช่ภาพถ่ายของจริง ซึ่งนี่คือจุดแตกต่างที่สุดระหว่างภาพเอไอ กับภาพถ่ายที่ถ่ายด้วยช่างภาพ นั่นก็คือ “ความจริง”
ยิ่งผู้คนใช้เอไอสร้างภาพมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ภาพถ่ายจริง ๆ เป็นของหายากมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะภาพถ่ายแนวสารคดี และภาพข่าวที่ต้องการภาพถ่ายจากสถานที่จริง เหตุการณ์จริง ภาพคนจริง ๆ มาใช้ ซึ่งการนำภาพเอไอมาใช้นับว่าเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักจรรยาบรรณวิชาชีพ และวงการสื่อมวลชนก็ได้ใช้เทคโนโลยีตรวจจับภาพเอไอขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อตรวจสอบว่าภาพถ่ายแต่ละภาพที่นำมาใช้ในการรายงานข่าว เป็นภาพถ่ายที่เกิดขึ้นจริง หรือเป็นภาพที่สร้างจากเอไอ
ในส่วนของภาพถ่ายแฟชั่น ผู้ใช้งานทั่วไปอาจจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเอไอที่ช่วยให้ทุกคนมีภาพถ่ายที่สวยงาม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ถ้าคนทั่วไปจะใช้เอไอสร้างภาพสวย ๆ ของตัวเองโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งแม้จะเป็นภาพที่เหมือนจริงแค่ไหน แต่ทุกคนก็รู้ว่าเป็นภาพเอไอ เพราะจะมีคนอื่นโพสต์ภาพแบบเดียวกันเต็มไปหมด และทุกคน แม้จะชื่นชมในความสวยงามของภาพ แต่ทุกคนก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่ภาพถ่ายของจริง
แต่หากเราใช้ตากล้องจริง ๆ ถ่ายภาพเราจริง ๆ ภาพที่ออกมาจะมีความเป็นตัวของเราเอง ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ แม้จะใช้ตากล้องคนเดียวกันก็ตาม ซึ่งการถ่ายภาพไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการกดชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพเท่านั้น แต่มันคือการถ่ายทอดเรื่องราวที่ตากล้องมองเห็นอยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นภาพเหตุการณ์ ภาพทิวทัศน์ หรือภาพบุคคล ตามมุมมองที่ตากล้องอยากจะถ่ายทอดออกมา จึงทำให้การถ่ายภาพยังคงเป็นสิ่งที่เอไอทดแทนไม่ได้ ในแง่ของการบันทึกความจริงที่เกิดขึ้น และการเป็นเครื่องมือสื่อสารที่น่าเชื่อถือ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการถ่ายภาพบางอย่างได้รับผลกระทบโดยตรงจากการมาของเอไอ และอาจจะถูกภาพเอไอแทนที่เกือบทั้งหมด เช่น ภาพถ่ายโฆษณา ภาพทิวทัศน์ ภาพประกอบหนังสือ แต่ช่างภาพที่ทำหน้าที่บันทึกความทรงจำของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ช่างภาพงานสารคดี ช่างภาพข่าว หรือช่างภาพงานแต่งงาน ช่างภาพงานอีเวนท์ จะยังคงอยู่รอดต่อไปได้ แต่ก็ต้องพัฒนาการถ่ายภาพ การใช้เครื่องมือ และการใช้เทคโนโลยีของตัวเองให้ทันกับยุคสมัย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
