รีเซต

สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ทำหนังสือถึง นายกฯ จี้ คลังเพิ่มทุน การบินไทย 2.5 หมื่นล. หวั่นสมาชิก 3 ล้านรายสูญเงิน

สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ทำหนังสือถึง นายกฯ จี้ คลังเพิ่มทุน การบินไทย 2.5 หมื่นล. หวั่นสมาชิก 3 ล้านรายสูญเงิน
ข่าวสด
3 พฤษภาคม 2564 ( 16:37 )
68
สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ทำหนังสือถึง นายกฯ จี้ คลังเพิ่มทุน การบินไทย 2.5 หมื่นล. หวั่นสมาชิก 3 ล้านรายสูญเงิน

สหกรณ์ออมทรัพย์ฯ ทำหนังสือ ถึงนายก จี้ คลังเพิ่มทุนบินไทย 2.5 หมื่นล้าน หวั่นสมาชิก3ล้านรายสูญเงิน ปูดข่าวเตรียมแห่ถอนเงิน 3 หมื่นล. หวั่นกระทบเศรษฐกิจทั้งระบบ

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3พ.ค.) พล.ต.ท. วิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ประธานกรรมการ ชุมนุมแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสำเนาถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายสุพัฒนพงศ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ขอให้พิจารณาสนับสนุน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการฟื้นฟูกิจการ

 

 

โดยระบุว่าด้วย ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด (ชสอ.) จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีสหกรณ์สมาชิก 1,099สหกรณ์ อาทิ สหกรณ์ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจำกัด

 

 

ทั้งนี้ สหกรณ์สมาชิกมีสมาชิกทั้งหมดซึ่งอยู่ทั่วประเทศประมาณ 3 ล้านคนโดยที่ผ่านมา ชสอ. และสหกรณ์สมาชิกได้นำเงินสมาชิกไปลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในวงเงินประมาณ 41,000 ล้านบาท ต่อมา การบินไทย ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้การบินไทยฟื้นฟูกิจการ

 

 

หลังจากนั้น ผู้ทำแผนของการบินไทยได้นำส่งแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กองฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ กรมบังคับคดี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกเพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการในวันที่ 12 พฤษภาคม 2564

 

 

ทั้งนี้ แผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยนั้นได้ระบุว่า ประมาณการทางการเงินที่การบินไทยจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และสามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้ตามแผนพื้นฟูกิจการ การบินไทยจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเงินทุน และ/หรือ วงเงินสินเชื่อใหม่นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท

 

 

โดยการสนับสนุนทางการเงินดังกล่าวนั้น ภาคเอกชนน่าจะให้การสนับสนุนการบินไทยจำนวน 25,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาครัฐกลับยังไม่ปรากฎแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินจำนวน 25,000 ล้านบาทให้กับการบินไทยในรูปแบบต่าง

 

 

ชสอ. ขอกราบเรียนว่า การสนับสนุนทางการเงินให้กับการบินไทยจำนวน 25,000 ล้านบาทดังกล่าว มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจของการบินไทย รวมทั้งส่งผลด้านเศรษฐกิจแนวนโยบายแห่งรัฐในด้านต่าง ๆ อาทิ การท่องเที่ยว การขนส่ง การจ้างงาน ซึ่งล้วนมีนัยสำคัญต่อรายได้ของประเทศ

 

 

นอกจากนี้ หากการบินไทยไม่สามารถชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ รวมถึง ชสอ. และสหกรณ์สมาชิกได้ ย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากพิจารณาเพียงสมาชิกของ ชสอ. และสหกรณ์ที่มีจำนวนไม่น้อยกว่า3 ล้านราย และเมื่อรวมครอบครัวของสมาชิกจะมีจำนวนไม่น้อยกว่า 12 ล้านราย

 

 

อีกทั้งเงินของสมาชิกส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเงินออมจากการทำงานของสมาชิก ซึ่งบางสวนเป็นเงินของสมาชิกที่เกษียณจากการทำงานไปแล้วและบางสวนเป็นเงินสมาชิกที่ยังทำงานอยู่แต่ก็ได้นำเงินออมของครอบครัวมานำฝากไว้กับ ชสอ. และสหกรณ์สมาชิก

 

 

ทั้งนี้ ความยังปรากฎว่า มีสหกรณ์สมาชิกบางรายได้นำเงินฝากส่วนใหญ่เข้าลงทุนในหุ้นกู้ของการบินไทยซึ่งหากการบินไทยไม่สามารถชำระหนี้คืนให้กับสหกรณ์สมาชิกดังกล่าวได้ สหกรณ์สมาชิกดังกล่าวย่อมต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และสหกรณ์สมาชิกบางราย ได้กู้ยืมเงินมาจากสถาบันการเงินของประเทศเพื่อนำมาให้กับสมาชิกกู้ยืม เมื่อสหกรณ์สมาชิล้มละลายย่อมไม่อาจชำระเงินคืนให้กับสถาบันการเงินดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน การนี้ย่อมส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศที่มีนัยสำคัญยิ่ง

 

 

นอกจากนี้ หากฝ่ายรัฐมิได้ออกแนวนโยบายเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินให้กับการบินไทยได้ทันก่อนวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 การนี้จะเกิดวิกฤติการขอถอนเงินจากสมาชิกของ ชสอ. และสหกรณ์สมาชิก รวมทั้ง สถาบันการเงิน ซึ่งจะกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพราะเพียง ชสอ. และสหกรณ์สมาชิก อาจต้องขอเบิกเงินเพื่อนำมาเตรียมไว้ให้สมาชิกถอน ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเงินฝากของ ชสอ. และสหกรณ์สมาชิกและอาจส่งผลให้สหกรณ์ไม่สามารถให้สมาชิกถอนเงินได้อย่างทันท่วงทีก็จะหมดความเชื่อมั่นต่อสมาชิกซึ่งส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงานของขบวนการสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งระบบอีกด้วย

 

 

ด้วยเหตุที่ ชสอ. ได้กราบเรียนไว้ข้างตันต่อท่านนายกรัฐมนตรี ชสอ.และสหกรณ์สมาชิกจึงขอความอนุเคราะห์ท่านนายกรัฐมนตรีได้โปรดพิจารณา ให้การสนับสนุนทางการเงินกับการบินไทยเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของประชาชนชาวไทยในฐานะ "สายการบินแห่งชาติ" ทั้งนี้ ชสอ.และสหกรณ์สมาชิก ขอกราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง