RPH แววไตรมาส2แจ่ม ชูผู้ป่วยนอนโควิดหนุน
RPH แววไตรมาส 2/2566 เด่น ผู้ป่วย Non-Covid กลับมาดูแลรักษาสุขภาพ โชว์อัตราครองเตียง 80% ใส่เกียร์รุกขยายฐานคนไข้ต่างชาติ หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็นมากกว่า 5% มั่นใจรายได้ปี 2566 โต 20% อัดงบ 700 ล้านบาท เสริมแกร่ง
นพ.ธีระวัฒน์ ศรีนัครินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPH เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจ Health Care ในช่วงไตรมาส 2/2566คาดว่าจะขยายตัวดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มคนไข้ Non-Covid ที่กลับมาให้ความสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงการตรวจและรักษาโรคที่มีความซับซ้อนและโรคเฉพาะทางมากขึ้น แม้ว่าตามปกติในไตรมาส 2ของทุกปีจะเป็นโลว์ซีซันก็ตาม
แต่ในปีนี้มองว่าผลประกอบการมีทิศทางที่ดี โดยอัตราการครองเตียง (Occupancy Rate) ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2566 กลับมาอยู่ในระดับที่สูงกว่า 80% ทั้งจากผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) จากจำนวนเตียงที่มีในปัจจุบันอยู่ที่ 198 เตียง ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขอนแก่นมองว่าไม่น่ากังวลนัก ปัจจุบันปรับตัวลดลงค่อนข้างมากแล้ว มีเพียงช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้นที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อค่อนข้างสูง
*รุกออนไลน์
ประกอบกับบริษัทยังคงให้ความสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง (Digital Marketing) เพื่อสร้างการรับรู้ และให้ข้อมูลกับกลุ่มผู้ที่มีความสนใจ ให้เข้ามาใช้บริการทางการรักษาเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าในการขยายฐานคนไข้ชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากประเทศใกล้เคียง คือ สปป.ลาว และประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนรายได้ที่ประมาณ 5% ของรายได้รวม
ส่วนแผนการเข้าไปเจาะตลาดในประเทศจีนทางตอนใต้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเอเจนซีท้องถิ่นที่มีศักยภาพแล้ว และอยู่ในขั้นตอนขอใบอนุญาตมาตรฐานสถานพยาบาลของทางประเทศจีน เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพหลังเดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นไป จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นทำให้มองว่าจะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในปี 2566บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10-20% ให้บรรลุได้
*ลงทุนอัพแกร่ง
แผนการลงทุนในปี 2566 นั้น บริษัทเตรียมเงินลงทุนไว้ที่ประมาณ 700 ล้านบาท แบ่งออกเป็นเงินลงทุนในการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ขนาด 100 ยูนิต เพื่อรองรับผู้ป่วยเฉพาะส่วนของประกันสังคมและผู้ป่วยใช้สิทธิ์ประกันชีวิต ที่มีวงเงินไม่สูงนักให้ได้เพิ่มมากขึ้น เพราะมองว่าด้วยความต้องการตรวจและรักษาสุขภาพทำให้อาคารเดิมที่มีไม่เพียงพอต่อการให้บริการแล้ว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปีนี้และแล้วเสร็จพร้อมในบริการปลายปี 2567 หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปี 2568 เป็นต้นไป
ส่วนที่เหลือ 200 ล้านบาท ใช้เพื่อรองรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงพยายามอาคารเดิม เพื่อใช้เป็นศูนย์ให้บริการทางการแพทย์ประเภทความงาม (ปรับปรุงพื้นที่ชั้น 5 อาคารเดิม) รวมถึงศูนย์สุขภาพ (Wellness Center) เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในช่วงปลายปี 2566และจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในช่วงต้นปีและปลายปี 2567 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เงินลงทุนที่จะถูกใช้ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 180-200 ล้านบาท
"เรามองเห็นถึงความต้องการในการดูแลรักษาสุขภาพที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรักษาโรคเฉพาะทาง โรคที่มีความซับซ้อน ความสวยงาม และโรคระบาดทั่วไป ทำให้เรามีแผนขยายพื้นที่ให้บริการใน รพ. เพิ่มเติม ซึ่งในปี 2567 จะได้เห็นความชัดเจนที่มากขึ้น และด้วยเทรนด์ดังกล่าวทำให้เรามั่นใจว่าการเติบโตของรายได้ในปี 2566 นี้ จะบรรลุได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน" นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว