เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่ง Sideways to Sideways Up ฟื้นตัวได้ระยะสั้นในกรอบ 1,388-1,400 จุด โดยสัญญาณ RSI เข้าเขต Oversold ขณะที่จากบรรยกาศการลงทุนผ่อนคลายมากขึ้นหลังจีนส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะที่ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯยังทรงตัวที่ 4.82% หลังพุ่งแตะ 5% ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม Upside ยังคงจำกัดโดยตลาดยังคงโฟกัสทิศทางดอกเบี้ยและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตัวเลขที่ต้องติดตามคือเงินเฟ้อ PCE เดือน ก.ยง สหรัฐฯคืนวันศุกร์ และ GDP 3Q23 ในสัปดาห์หน้า
ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงไม่มีความชัดเจนของนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท และอาจต้องขยับกำหนดเริ่มโครงการ 1 ก.พ. ออกไป ขณะที่กำไร 3Q23 ของบจ.ซึ่งอยู่ในช่วงทยอยคาดการณ์และประกาศค่อนข้างผสมผสาน เรายังเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2H23-2024 แข็งแกร่ง ระยะสั้นเรายังชอบกลุ่ม การแพทย์ สื่อสารฯ ธนาคาร ส่วนกลุ่ม ค้าปลีก ไฟแนนซ์ อาหาร ท่องเที่ยว คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวได้ในระยะกลาง-ยาวจากเศรษฐกิจไทยที่จะทยอยเร่งตัวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเริ่มเห็นผลใน 4Q23-2024
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่มีโมเมนตัมกำไร 3Q23 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำ // ยังถือลงทุนระยะยาวหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วบริเวณ 1,450+- จุด
หุ้นเด่นเดือน ต.ค : AAV, BBL, BDMS, JMT, KCE
หุ้นเด่นวันนี้ : GULF
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 54 บาท
• แม้รัฐบาลจะลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท/หน่วยในช่วง ก.ย.-ธ.ค. นี้ แต่เราคาดกำไร 2H23 จะเติบโตแข็งแกร่ง +43% h-h จาก 1) การ COD ของ GDP เฟส 2 (เป็น IPP 662MW) 2) โรงไฟฟ้าพลังงานลมเข้าสู่ peak season และ 3) รับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ PTT NDG เพิ่มขึ้นเพราะต้นทุนก๊าซลดลง
• ความเสี่ยงต่ำสุดในกลุ่มเพราะกว่า 70% ของรายได้เป็นการขายให้ EGAT ซึ่งส่งผ่านต้นทุนได้ และมีการเติบโตของ MW อย่างต่อเนื่อง เราคาดกำไร 2023-24 โต 44% และ 15% ตามลำดับ
• แนวรับ 42//40 บาท แนวต้าน 44-45 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนี มีโอกาส Rebound หลังจากตัวแปรกดดันตลาดคลี่คลายลง(ชั่วคราว) ต่างประเทศ Bond Yield สหรัฐฯ และ Dollar เริ่มทรงตัว รวมถึงความขัดแย้งของสงครามตะวันออกเริ่มมีท่าทีของการเจรจามากขึ้น หลังจากมีการปล่อยตัวประกันออกมาวานนี้ (24) ทำให้ภาพรวมปัจจัยลบของตลาดเริ่มดูคลี่คลายลง
• ราคาน้ำมันปรับตัวลง ล่าสุด Brent $88 เหรียญ หลัก ๆ ถูกฉุดจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
• สี จิ้นผิง ตรวจเยี่ยมธนาคารจีนอย่างเป็นทางการวานนี้ (24) ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณในการเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ และฟื้นตลาดการเงินของจีน หากชัดเจนจะเป็นตัวช่วยหนุนตลาดหุ้นได้
• วันนี้ติดตาม กสทช. เคาะดีลควบรวม ADVANC กับ TTTBB ซึ่งอาจจะมีผลต่อราคาหุ้น
• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯ
Strategy
• ตลาดยังมีความเสี่ยงในเรื่องอิสราเอล ที่ประเมินยาก ทำให้เรายังแนะนำให้ถือเงินสดให้มากไว้ก่อน รอจังหวะซื้อหุ้นเมื่อสถานการณ์ในตะวันออกกลางจะเริ่มทรงตัวหรือดีขึ้น
• การจับจังหวะเข้าเก็บหุ้น ราคาลงมาลึก ควรเน้นไปที่หุ้นกำไร 3Q ดี โดยเราคัดหุ้นที่กำไรไตรมาสนี้จะออกมาดี ไว้ 3 ตัว คือ BH, BDMS, ICHI
• ความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวมีมากขึ้น และฮามาส เริ่มปล่อยตัวประกัน ควรลดการเก็งกำไรในหุ้น PTTEP
• จีน เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ ด้วยการเพิ่มงบประมาณรายจ่าย บวกต่อ PSL, IVL
• หุ้นที่เป็น High dividend Yield ที่เข้าสู่โซนของการซื้อแล้ว ได้แก่ TISCO, SPALI
• Sector ที่ต้องให้ความระมัดระวัง คือหุ้นที่อิงเศรษฐกิจหรือหนี้ครัวเรือน คือ กลุ่ม non-bank ที่อยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งกลุ่มค้าปลีก(บางตัว)
• เรายังประเมินว่าทิศทางตลาดยังมีความเสี่ยงขาลง เราจึงถือเงินสดในระดับที่สูง(80%) หุ้นในพอร์ตจะเน้นเก็งกำไร หรือเพื่อพักเงินมากกว่า
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ ITC เข้ามา หุ้นในพอร์ต วันนี้ ประกอบด้วย ITC(10%), BEM(10%)
Strategy Stock Pick
ITC : (เป้าเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท) “ ตัวเลขอาหารสัตว์เลี้ยงจะค่อยๆดีขึ้น ”
• ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือน ก.ย. 2023 อยู่ที่ 216 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (-8% YoY, -2% MoM) ตัวเลขที่ชะลอตัวมีในบางประเทศ แต่เรามองว่า จุดที่เลวร้ายน่าจะผ่านไปแล้ว (ยกเว้นสถานการณ์อิสราเอลรุนแรงขึ้นจนกระทบเศรษฐกิจโลก)
• เราประเมินกำไรปกติ Q3/23E ที่ 485 ล้านบาท (-61% YoY, +12% QoQ) กำไรปกติที่ปรับตัวลง YoY เป็นไปตามฐานสูงใน Q3/22 ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกค้ามีการเร่งสต็อกสินค้าจากความกังวลภาคขนส่ง
• แนวโน้ม 4Q23E เราประเมินส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปจะดีขึ้น QoQ หนุนโดยสถานการณ์ inventory คลี่คลายขึ้นและต้นทุนทูน่าอ่อนตัว
Technical: SNNP, XO
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ผันผวนน้อยลง หลัง US Bond Yield 10 ปี ลดลง กอปรกับค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น วางแนวรับดัชนีที่ 1,385 – 1,390 แนวต้าน 1,400 – 1,410 แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก & บริโภค เช่น CPALL,CPN,OSP,CBG ราคาปรับลดลงสะท้อนความล่าช้า ม.Digital Wallet / เก็งกำไร MAJOR, TASCO, MEGA มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
TASCO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 21.20 บาท) เก็งกำไรประเด็นสหรัฐฯ ลดการ Sanction เวเนซูเอล่า ทำให้ได้รับอนุญาตกลับมาดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจด้านน้ำมันหรือก๊าซในประเทศเวเนซูเอล่า รวมถึงการผลิต การขนส่ง การส่งออก และรับชำระเงินสำหรับค่าสินค้าและบริการต่างๆ ได้นั้น ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ TASCO ซึ่งในอดีตพึ่งพาน้ำมันดิบจากเวเนซูเอล่าถึง 90% ในการผลิตยางมะตอย แม้ระยะสั้นอาจยังไม่เห็นผลบวกต่อผลประกอบการ แต่ถ้าสามารถกลับมาเจรจาซื้อน้ำมันดิบได้ตามเดิมจะช่วยให้สามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่มากขึ้นตาม Spec ของโรงกลั่นที่ออกแบบไว้และทำให้ margin ของโรงกลั่นสูงขึ้นตาม นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลงจากเศรษฐกิจยุโรปที่ถดถอยยังเป็นบวกต่อธุรกิจได้แง่ของต้นทุนน้ำมันดิบ
XO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 33.00 บาท) กำไรสุทธิงวด 1H66 อยู่ที่ 309 ลบ.,+63%YoY การเติบโตหลักๆของกำไรมาตามรายได้ที่สูงขึ้นของสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆในยุโรปและอเมริกา สำหรับการดำเนินงานช่วง 3Q66 นี้ คาดว่ายังจะมีแรงหนุนจากสถาวะขาดแคลนซอสพริกศรีราชาในอเมริกา โดยจากสถิติการค้าระหว่างประเทศ ตัวเลขส่งออก 3Q66 ซอสพริกที่ส่งออกไปทวีปอเมริกาเหนือ +233%YoY +112%QoQ ด้านผู้บริหารวางเป้าการเติบโตของยอดขายปีนี้สูงกว่าเป้าที่+30% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 XO* ที่ 636 ลบ.(+87%YoY) และ 709 ลบ.(+11%YoY)