ปิดบัญชีแล้ว! ตายายลงทะเบียนเราชนะ เผยยอด 7.3 ล้าน แบ่งใช้เดือนละ 8 หมื่น
วันนี้ (22 ก.พ.64) เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ "ตายาย 2 แม่ลูก" ที่ตกเป็นข่าวดังทั่วประเทศ จากการไปนั่งป้อนข้าวหน้า ธ.กรุงไทย สาขาท่ามะเขือ (คลองขลุง) จ.กำแพงเพชร ในการลงทะเบียนเยียวยาโครงการ "เราชนะ" เมื่อวันที่ 17 ก.พ.64 ที่ผ่านมา
นายสดุดี พุทธัง นายอำเภอคลองขลุง ได้เดินทางไปพูดคุยเกี่ยวกับการบริหารเงินบริจาคที่ยอดอัพเดทล่าสุดหลังปิดบัญชีแล้ววันนี้ จำนวน 7,338,885 บาท พร้อมวันนี้ได้นำคณะแพทย์ผู้เชียวชาญด้านจักษุ (สายตา) จากโรงพยาบาลศุภมิตร จ.สุพรรณบุรี ซึ่งวันนี้ได้นำเครื่องตรวจวัดสายตราและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาทำการตรวจวัดสายตาเบื้องต้น และจะได้นัดหมายนำรถมารับเพื่อนำไปรักษาเกี่ยวกับอาการป่วยทางสายตาฟรี ที่โรงพยาบาล โดยนพ.เมธ โชคชัยชาญ ประธานกรรมการบริษัท (โรงพยาบาล) ได้มอบหมายให้ ทันตแพทย์วิโรจน์ อภิสิทธิ์วิทยา ได้ทำการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
น.ส.สาคร ชาวกงจักร อายุ 42 ปี พยาบาลเวชปฎิบัติทางตา โรงพยาบาลศุภมิตร จ.สุพรรณบุรี กล่าว่า ได้รับมอบหมายจากทางโรงพยาบาลให้ดำเนินการเข้ามาตรวจสอบอาการป่วยของ ตายายวันนี้ โดยอาการป่วยของตา เป็นต้อเนื้อ ส่วนยายเป็นต้อกระจก ซึ่งทางโรงพยาบาลจะมารับทั้ง 2 ไปรักษาในวันที่ 25 ก.พ.64 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เมื่อทำการผ่าตัดรักษาแล้วก็สามารถกลับบ้านได้ทันที และทางโรงพยาบาลจะทำการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการพูดคุยกันกับทางครอบครัวของตายาย ทั้งตาจำเนียร (ลูกชาย) และป้าเล็ก (ลูกสาว) โดยมีนายสดุดี พุทธัง นายอำเภอคลองขลุง พร้อม นายวินัย ภักสุวรรณ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 และ นายบุญมา ใจดี อายุ 70 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ได้ตกลงกันในการบริหารเงินก้อนนี้นั้น จำนวน 7,338,885 บาท โดยแบ่งเงินจำนวน 3,200,000 บาท ให้นายจำเนียร และป้าเล็ก ลูกทั้ง 2 คน จำนวน 1,600,000 บาท เพื่อไปสร้างบ้านคนละหลัง โดยลูกทั้ง 2 คนไม่ประสงค์อยู่ด้วยกัน
นอกจากนี้ เงินที่เหลือได้โอนเข้าเปิดบัญชีที่เปิดใหม่ชื่อว่า "กองทุนครอบครัวคุณยายน้อย เอี่ยมสอาด" จำนวน 4,138,885 บาท โดยจะโอนเข้าบัญชีของนายจำเนียร และ ป้าเล็ก ลูกทั้ง 2 ที่คอยดูแลยายน้อยทุกเดือนๆ ละ 80,000 บาท ซึ่งยายจะมีเงินไว้กินใช้ตลอดชีวิตแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นางน้อย เอี่ยมสอาด และครอบครัว ได้กล่าวขอบคุณ ทางนายอำเภอคลองขลุง ผู้ใหญ่บ้านและผู้นำท้องถิ่น และประชาขนทุกคนที่ช่วยเหลือและบริจาคเงินช่วยเหลือกว่า 7.3 ล้านบาทครั้งนี้ และจะใช้เงินทุกบาทอย่างคุ้มค่าที่สมกับการได้รับการช่วยเหลือ