รีเซต

ทำไมกินสับปะรดแล้วแสบลิ้น? เปิด 2 สาเหตุหลักและวิธีแก้แบบได้ผล

ทำไมกินสับปะรดแล้วแสบลิ้น? เปิด 2 สาเหตุหลักและวิธีแก้แบบได้ผล
TNN ช่อง16
5 ธันวาคม 2568 ( 22:04 )
15

สับปะรดเป็นผลไม้ยอดนิยมของคนไทย แต่หลายคนมักประสบปัญหา “แสบลิ้น คันลิ้น หรือเหมือนลิ้นถลอก” หลังรับประทาน โดยเฉพาะเมื่อกินปริมาณมากหรือเลือกผลที่ยังเปรี้ยวจัด ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการอธิบายว่า อาการดังกล่าวไม่ใช่ภาวะแพ้อาหารโดยตรง แต่เกิดจากสารธรรมชาติภายในสับปะรด ที่มีผลต่อเยื่อบุช่องปากโดยตรง


สองสาเหตุหลักที่ทำให้ลิ้นแสบ

ประการแรก สับปะรดมีเอนไซม์สำคัญชื่อ โบรมีเลน (bromelain) ซึ่งทำหน้าที่ย่อยโปรตีน เมื่อเอนไซม์นี้สัมผัสกับผิวลิ้น โปรตีนที่เคลือบเยื่อบุจะถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการเสียวแปลบหรือแสบคล้ายเป็นแผลเล็กๆ

ประการที่สอง สับปะรดมีความเป็นกรดค่อนข้างสูง ค่าพีเอชประมาณ 3–4 ทำให้บริเวณที่ถูกเอนไซม์ทำลายระคายเคืองเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกแสบมากเป็นพิเศษ โดยในเด็กอาจมีอาการชัดกว่า เนื่องจากเยื่อบุบอบบางกว่า

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อาการดังกล่าวถือเป็นการระคายเคืองตามธรรมชาติ และจะหายได้เองเมื่อหยุดรับประทาน แต่หากพบสัญญาณผิดปกติ เช่น ลิ้นบวม หน้าบวม หายใจลำบาก หรือมีผื่นลมพิษ ควรสงสัยภาวะแพ้อาหารและรีบพบแพทย์ทันที

วิธีกินสับปะรดให้ “ไม่แสบลิ้น”

เพื่อให้รับประทานได้อร่อยและสบายมากขึ้น สามารถลดการทำงานของเอนไซม์และกรดในสับปะรดได้ด้วยวิธีง่ายๆ ได้แก่

 • แช่น้ำเกลือ 10–15 นาที หรือจิ้มเกลือเบาๆ เพื่อช่วยลดความเข้มข้นของเอนไซม์

 • ตัดแกนสับปะรดออก เนื่องจากเป็นส่วนที่มีโบรมีเลนสูงที่สุด

 • เลือกผลสุกหวาน หลีกเลี่ยงผลที่ยังดิบหรือเปรี้ยวมาก

 • แช่เย็นก่อนทาน ความเย็นช่วยลดกิจกรรมของเอนไซม์

 • นำไปปรุงสุก เช่น ผัด แกง หรืออบ เพราะความร้อนทำให้เอนไซม์เสื่อมสภาพ

หากแม้จะปฏิบัติตามแล้วแต่ยังมีอาการระคายเคืองรุนแรงทุกครั้ง ควรลดปริมาณการรับประทานต่อครั้ง หรือปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาว่าเป็นภาวะแพ้หรือความไวต่อกรดผิดปกติหรือไม่

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง