เติมน้ำมันผิดประเภท เครื่องยนต์จะมีอาการอย่างไร? แนะวิธีป้องกัน
ขับรถต้องรู้! หาก "เติมน้ำมันผิดประเภท" เครื่องยนต์รถเราจะมีอาการแบบไหน ทั้งกรณี "ดีเซล เติมน้ำมัน เบนซิน" หรือ "เบนซิน เติมน้ำมัน ดีเซล" แนะวิธีป้องกัน
FIT Auto ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เผยว่า รถยนต์ในปัจจุบันแบ่งเครื่องยนต์ออกเป็น 2 ประเภท คือ เบนซิน และ ดีเซล โดยเครื่องยนต์แต่ละประเภท ก็จำเป็นจะต้องเติมน้ำมันให้ได้ถูกต้องตามเครื่องยนต์นั้นๆ หากเติมน้ำมันผิด หรือเติมน้ำมันสลับกันขึ้นมา สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลักๆ คือ
กรณีเครื่องยนต์ ดีเซล เติมน้ำมัน เบนซิน
1. มีควันดำออกมาจากท่อไอเสียมากกว่าปกติเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ สะดุด และเครื่องยนต์ดับได้ในที่สุด
2. มีปัญหาในการสตาร์ทเครื่องใหม่ ไม่สามารถสตาร์ทรถยนต์ได้
3. หัวฉีดเกิดการฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้แล้วเกิดการลุกไหม้เร็วจนเกินไปทำให้เครื่องยนต์ไม่มีกำลังและดับทันที
4. อุปกรณ์ของระบบน้ำมันเชื้อเพลิงเสียหาย เช่น ไส้กรองน้ำมันดีเซล ปั๊มหัวฉีดแรงดันสูง และหัวฉีดดีเซล
กรณีเครื่องยนต์ เบนซิน เติมน้ำมัน ดีเซล
1. จะทำให้หัวฉีดอุดตัน (น้ำมันดีเซลมีค่าความหนืดมากกว่าเบนซิน) หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละออง จึงทำให้หัวเทียนจุดประกายไฟแล้วเผาไหม้ได้ยากทำให้เครื่องยนต์ดับ
2. ไส้กรองเบนซินอุดตัน หัวฉีดฉีดไม่เป็นฝอยละอองและเขี้ยวหัวเทียนมีคราบเขม่าจับมาก
3. เครื่องยนต์จะมีเสียงดังขณะที่คุณกำลังเร่งความเร็ว อัตราการเร่งเครื่องยนต์ช้ากว่าปกติ และไม่สามารถทำความเร็วได้ดี
4. ระบบแสดงไฟเตือนเครื่องยนต์ปรากฎขึ้น และส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ในที่สุดไม่สามารถสตาร์ทรถใหม่ได้
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการเติมน้ำมันผิดประเภท
1.ตั้งสติในการบอกผู้คุมหัวจ่ายว่าเราต้องการน้ำมันชนิดใด ประเภทใด ชื่ออะไร เอาให้ชัด ด้วยความที่ชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันคล้ายคลึงกันอย่างที่บอกไปข้างต้น อย่าลืมจำชื่อน้ำมันเชื้อเพลิงที่คุณจะเติมให้แม่นยำ และบอกน้องๆ ผู้คุมหัวจ่ายอย่างชัดเจน
2.เช็กให้ชัวร์ ด้วยการหันกลับไปสังเกตน้องๆผู้คุมหัวจ่ายสักนิดว่าคว้าหัวจ่ายน้ำมันถูกประเภทหรือไม่
3.ตรวจสอบดูใบเสร็จเพื่อเช็กรายละเอียดการเติมน้ำมันให้เรียบร้อย หากเกิดปัญหาในการเติมน้ำมันจะได้มีหลักฐานไปยืนยันในการแก้ไข
ขอบคุณข้อมูลจาก FIT Auto
ภาพจาก TNN Online