รีเซต

สำรวจแว่นตา AI บูม! บิ๊กเทคสหรัฐฯ-จีนรุมแข่ง

สำรวจแว่นตา AI บูม! บิ๊กเทคสหรัฐฯ-จีนรุมแข่ง
TNN ช่อง16
3 ตุลาคม 2568 ( 15:27 )
7

บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯและจีน กำลังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ แว่นตา เอไอ และกลายเป็นอีกหนึ่งสนามแข่งขันหลักของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ตลาดดังกล่าว กำลังมีทิศทางการเติบโต เห็นได้จากข้อมูลของ IDC ซึ่งออกรายงาน เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา คาดว่าปี 2025 ตลาดแว่น AR/VR headsets และแว่นตาอัจฉริยะ แบบไม่มีหน้าจอ ทั่วโลกจะเติบโตขึ้นร้อยละ 39.2 โดยมียอดจำหน่าย อยู่ที่ 14 ล้าน 3 แสนชิ้น

การเติบโตดังกล่าวจะถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มแว่นตา เอไอ คาดว่าจะเติบโตขึ้นถึง 3 เท่า (247.5%) เนื่องจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งจาก Meta และบริษัทอื่น ๆ ที่จะเข้ามาร่วมแข่งขัน นำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มาใช้กับผู้บริโภค กันมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน Meta ครองความเป็นผู้นำในตลาดแว่น แบบไร้จอแสดงผล คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด อยู่ที่ร้อยละ 60.6 (ตามข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ปี 2025)

IDC คาดการณ์ด้วยว่า ปี 2029 ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ จะสูงถึง 43.1 ล้านชิ้น และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่ร้อยละ 31.8 โดยแว่นตาแบบไม่มีหน้าจอยังคงเป็นผู้นำตลาด เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้บริการในการใช้งาน เอไอ กับอุปกรณ์ที่ติดอยู่กับร่างกาย ส่วนแว่นตา เอไอ แบบมีหน้าจอ และแว่นในกลุ่ม Mixed Reality ก็จะเป็นกลุ่มสินค้าหลักที่เติบโตควบคู่กันไป

ด้าน Jitesh Ubrani ผู้จัดการฝ่าย ที่รับผิดชอบ ด้านติดตามข้อมูลอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั่วโลก ของ IDC กล่าวว่า ตอนนี้ แม้ผู้บริโภคทั่วไปยังไม่ค่อยรู้จักกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากนัก และสินค้ายังมีจำนวนจำกัด แต่สถานการณ์จะเปลี่ยนไป เมื่อ Meta, google และแบรนด์อื่น ๆ มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ ออกมามากขึ้นในอีก 18 เดือนข้างหน้า และจะมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น ร้านแว่นตา ร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ดีขึ้น

นอกจากจำนวนสินค้าจะมีมากขึ้นแล้ว รูปแบบการใช้งาน และกลุ่มผู้ใช้ ก็มีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปด้วย คือจากเดิมที่เน้นกลุ่มผู้เล่นเกม เป็นหลัก ก็จะเปลี่ยนมาเป็นผู้ใช้งานทั่วไปมากขึ้น 

ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ตั้งข้อสังเกตว่า แว่นตาอัจฉริยะ กำลังเป็นสนามแข่งขันสำคัญสำหรับบริษัทเทคโนโลยี โดยต่างก็เร่งแข่งขันกันพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าว ที่เน้นการใช้งานร่วมกับ เอไอ ซึ่งการพัฒนาในอนาคตอาจท้าทายสมาร์ตโฟน ในฐานะเทคโนโลยีที่ทุกคนต้องมี ก็เป็นได้ นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่ง ทำให้ Apple ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

บลูมเบิร์ก ยังอ้างอิงจากแหล่งข่าว เผยว่า Apple ได้ระงับแผนยกเครื่อง Vision Pro ไว้ชั่วคราว ซึ่ง Vision Pro เป็นแว่นตา มิกซ์ เรียลลิตี้ และหันไปมุ่งพัฒนาแว่นตา เอไอ รวมถึงรุ่นที่มีจอแสดงผล เพื่อแข่งขันกับ Meta Ray-Ban Display ของ Meta ที่เพิ่งจะเปิดตัวไป

ซึ่งเดิมนั้น Apple มีแผนจะพัฒนา วิชัน โปร รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกลงและน้ำหนักเบากว่าเดิม จากรุ่นก่อนหน้ามีราคาสูงถึง 3,499 ดอลลาร์สหรัฐ และมีเสียงวิจารณ์ว่ามีน้ำหนักมาก แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  Apple ได้ย้ายพนักงานจากโครงการยกเครื่องวิชันโปร ไปเร่งพัฒนาแว่นตา เอไอ แทน โดยกำลังพัฒนาแว่นตาอย่างน้อย 2 รุ่น รุ่นแรกชื่อว่า N50 จะจับคู่ กับ ไอโฟน และยังไม่มีจอแสดงผล ตั้งเป้าจะเปิดตัวรุ่นนี้โดยเร็วที่สุดในปีหน้า ก่อนจะวางจำหน่ายในปี 2027 ส่วนอีกรุ่น จะเป็นรุ่นที่มีจอแสดงผล ซึ่งกำลังเร่งพัฒนาอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์กรายงานด้วยว่า ตัวแทนของ  Apple ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 

สำหรับ Meta แม้ไม่ใช่ผู้เล่นรายแรก แต่ปัจจุบันถือว่าเป็นผู้นำในตลาดนี้ โดยปี 2021 ได้ร่วมมือกับ Ray-Ban พัฒนาแว่นตาในชื่อ Ray-Ban Stories ซึ่งเน้นการถ่ายภาพและวิดีโอแบบแฮนด์ฟรี เป็นหลัก จากนั้นก็ได้เปิดตัว Ray-Ban Meta ที่สร้างความประหลาดใจให้กับวงการ ในปี 2023

จนล่าสุด ปลายเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวแว่นตารุ่นใหม่ Meta Ray-Ban Display ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่มีจอแสดงผลในตัว เป็นการต่อยอดจากแว่นตา Ray-Ban รุ่นก่อนหน้าที่ได้รับความนิยมสูง เห็นได้จาก บริษัท Essilor Luxottica ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Ray-Ban ให้ข้อมูลเมื่อเดือนกรกฎาคม บอกว่า รายได้จากแว่นตา Meta เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าจากปีที่แล้ว พร้อมกันนี้ ยังเผยโฉม Ray-Ban Gen 2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของแว่นตาอัจฉริยะพื้นฐาน และแว่นตาสำหรับกีฬา คือ Meta Oakley Vanguard

โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอ Meta ได้ขึ้นเวทีสาธิตแว่นตารุ่นที่มีจอแสดงผลด้วยตัวเอง ในงาน Meta Connect และกล่าวว่า แว่นตา เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะที่สุดในการเข้าถึง ปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคลขั้นสูง เพราะจะช่วยให้ผู้สวมใส่ ยังคงมีสมาธิอยู่กับปัจจุบันได้ ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถของ เอไอ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพูนสติปัญญา การสื่อสารที่ดีขึ้น การเสริมความจำ และการรับรู้ประสาทสัมผัสที่แม่นยำขึ้น

อย่างไรก็ตาม นอกจาก Meta แล้ว บริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ก็มีความทะเยอทะยานสำหรับอุปกรณ์ยุคใหม่ อย่างเช่น Amazon และ Google ในเครือของ Alphabet  ก็ กำลังเร่งเปิดตัวฮาร์ดแวร์หลากหลายรูปแบบ ที่ขับเคลื่อนด้วย เอไอ

ขณะเดียวกัน OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT ก็ได้ดึงตัว Jony Ive อดีตนักออกแบบระดับตำนานของ แอปเปิล มาร่วมสร้างคอลเลกชันอุปกรณ์ใหม่ ของบริษัทฯ เช่นกัน 

มาในฝั่งของบริษัทเทคโนโลยีจีน ก็รุกหนักในตลาดแว่นตา เอไอ เช่นกัน 

โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ปีนี้ Xiaomi ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ไฟฟ้า ได้เปิดตัว แว่นตา Xiaomi AI Glasses ที่สามารถรองรับ การบันทึกวิดีโอส่วนบุคคล ตอบสนองต่อคำสั่งเสียง และมาพร้อมกับกล้องที่สามารถมองเห็นและจดจำวัตถุรอบตัวผู้ใช้งาน และตอบคำถามได้โดยใช้ เจเนอเรทีฟ เอไอ 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ จีน ก็เปิดตัวแว่นตา ที่ขับเคลื่อนด้วย เอไอ รุ่นแรก ในชื่อ Quark AI โดยมีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในจีน ภายในสิ้นปีนี้ แว่นตารุ่นนี้ จะขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ อาลีบาบา เอง รองรับการโทรแบบแฮนด์ฟรี การสตรีมเพลง การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การถอดเสียงการประชุม และยังมีกล้องในตัวอีกด้วย

ซึ่งการแข่งขันในตลาดนี้ ทำให้หลายสื่อมองว่า อาจจะเป็นอีกเวทีของสงครามเทคโนโลยี ระหว่างสหรัฐ และจีน ก็เป็นได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง