เจ๊งระนาว! โรงแรม-ที่พักแห่ปิดกิจการ จี้กระจายวัคซีนด่วน เหลือสภาพคล่องแค่ 3 เดือน
แบงก์ชาติเผยผลสำรวจ ธุรกิจพักแรมเดือน ก.ค.แห่ปิดกิจการเพียบ เหลือสภาพคล่องใช้ไม่เกิน 3 เดือน จี้รัฐกระจายวัคซีนด่วน เร่งออกมาตรการช่วยเหลือพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย -สนับสนุนค่าจ้างพนักงาน
วันที่ 9 ส.ค.2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (HSI) ในเดือนก.ค. 2564 ซึ่งจัดทำร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย สำรวจจากผู้ประกอบการที่พักแรม 304 แห่ง (เป็น ASQ 28 แห่ง Hospitel 4 แห่ง) ระหว่างวันที่ 13-26 ก.ค. 2564 พบว่า ผู้ประกอบการที่พักแรมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ต่อเนื่อง อัตราการเข้าพักยังอยู่ในระดับต่ำมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้หากไม่รวมกลุ่มที่ปรับตัวมารับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทย และ workation, staycation รวมถึงกลุ่มที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งส่วนมากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือน ก.ค. 2564 จะอยู่ที่เพียง 6.5% เท่านั้น ส่วนคาดการณ์อัตราการเข้าพักทั้งประเทศในเดือน ส.ค. 2564 จะปรับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8% เท่านั้น โดยทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำกว่า 10%
จากอัตราการเข้าพักที่ลดลงดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบให้ 58% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ มีสภาพคล่องลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน และมีอีก 23% ที่มีสภาพคล่องเพียงพอไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่ 57% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ในเดือน ก.ค. 2564 มีโรงแรมกว่า 22% ต้องปิดกิจการชั่วคราว เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยจากข้อมูลสรุปผลการสำรวจจากโรงแรมจำนวน 22 แห่ง (ไม่รวมโรงแรมที่เป็น ASQ และ Hospitel) พบว่า 56% ของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวนั้น คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งในไตรมาส 4/2565 และราว 13.6% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 1/2565 ส่วนอีก 6.8% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 2/2565 และอีก 11.9% จะกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565
สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก โดยพบว่า 50% ของโรงแรมในจ.ภูเก็ต มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ขณะที่อีก 43% ของโรงแรมในจ.สุราษฎร์ธานี มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แย่กว่าที่คาด
โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่อยู่ในระดับต่ำเพียง 6% เท่านั้น และพบว่า ผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 69% เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการในธุรกิจโรงแรมยังต้องการให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการช่วยเหลือ ได้แก่ 1. การจัดหาและกระจายวัคซีนให้เร็วกว่าแผน 2. การพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย 3. การสนับสนุนค่าจ้างพนักงานเดิม