ลุ้นวันนี้ 'เบนซิน' ลดราคาอีก 'เศรษฐา' แนะ 'บิ๊กตู่' เร่งกู้วิกฤตศก.หลังศึกซักฟอก
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม รอลุ้นว่าน้ำมันเบนซินจะลดราคาขายปลีกลงอีกหรือไม่ หลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังอ่อนตัวลง
รายงานข่าวจากวงการค้าน้ำมันแจ้งว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงผันผวน โดยเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ราคาน้ำมันเบรนท์และเวสต์เท็กซัส ลดลงเล็กน้อย สำหรับราคาขายปลีกในไทยต้องติดตามค่าการตลาดวันที่ 25 กรกฎาคมอีกครั้ง หากค่าตลาดสูงก็มีโอกาสที่ราคาขายปลีกเบนซินจะลดลงเช่นกัน
ขณะดีเซลคาดว่าจะคงราคา 34.94 บาทต่อลิตรต่อไป เนื่องจากราคาปัจจุบันไม่สะท้อนต้นทุนทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องเข้าอุดหนุน 2.45 บาทต่อลิตร และปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ ยังติดลบสูงกว่า 1.1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับผลโหวตของรัฐมนตรีรายบุคคลคนแม้จะผ่านหมด แต่ไม่อยากให้นำคะแนนมาดูเป็นประเด็นหลักในการพิจารณาจะปรับหรือไม่ปรับครม. ต้องนำเรื่องภาพใหญ่ของเศรษฐกิจมาเป็นประเด็นหลักในการพิจารณาว่าเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลอีก 7-8 เดือน จะทำอย่างไรเพื่อให้เศรษฐกิจดีขึ้น
“หากเห็นว่ารัฐมนตรีคนไหนหรือกระทรวงไหนบกพร่อง ถ้าเปลี่ยนรัฐมนตรีรายกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ทำให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ นายกฯก็ควรพิจารณา แม้อีก 7-8 เดือนจะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่ยังเป็นช่วงเวลายาวนานพอสมควร ดังนั้นถึงเวลารัฐบาลต้องเอาเศรษฐกิจนำการเมืองแก้ไขปัญหาประเทศ เพราะตอนนี้มีปัญหาหลายอย่าง ทั้งเงินเฟ้อ ข้าวยากหมากแพง คนมีรายได้น้อยลง หนี้ครัวเรือนสูง และอีกหลายอย่างเกิดขึ้น เป็นประเด็นที่นายกฯต้องนำมาพิจารณาว่าจะปรับหรือไม่ปรับคณะรัฐมนตรี” นายเศรษฐากล่าวและว่า ปัญหาเร่งด่วนขณะนี้อยากให้รัฐบาลเร่งแก้เรื่องปากท้อง ข้าวยากหมากแพง การอภิปรายไม่ไว้วางใจจบไปแล้ว แต่เศรษฐกิจของประเทศต้องเดินหน้าต่อไป
ด้าน นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการฯชุดนี้ครั้งแรกแล้ว โดยหารือและวิเคราะห์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจต่างๆ คณะอนุกรรมการฯชุดนี้ ประกอบด้วยหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นต้น
นายกฤษฎา กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯหารือเศรษฐกิจทุกด้าน อาทิ เรื่องการเกษตร ราคาสินค้า การพาณิชย์ พลังงาน เศรษฐกิจภาพรวม ผลกระทบจากวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน โดยนำข้อมูลทุกด้านมาวิเคราะห์ ว่าควรจะมีอะไรมาช่วยดูแล แน่นอนว่าต้องมีมาตรการออกมา แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นมาตรการอะไรบ้าง แต่จะดูทั้งมาตรการระยะสั้นว่าควรมีอะไร และมาตรการระยะยาว เผื่ออนาคตหากมีอะไรเข้ามา จะได้มีมาตรการรับมือได้ทัน
“หากอนุกรรมการฯหารือกันครบถ้วนแล้ว จะนำเสนอต่อคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานต่อไป เราเร่งทำงานกันอย่างเต็มที่ ถ้าคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจเรียกประชุม วันที่ 25 กรกฎาคม ก็พร้อมรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมคณะกรรมการรับทราบ”นายกฤษฎากล่าว