รีเซต

ยักษ์ทะเลบนดิน! พบโครงกระดูกวาฬ ใต้พื้นดินห่างไกลทะเล ชี้เป็นหลักฐานประวัติศาสตร์

ยักษ์ทะเลบนดิน! พบโครงกระดูกวาฬ ใต้พื้นดินห่างไกลทะเล ชี้เป็นหลักฐานประวัติศาสตร์
ข่าวสด
8 พฤศจิกายน 2563 ( 12:15 )
292

ยักษ์ทะเลบนแผ่นดิน! พบโครงกระดูกวาฬ ใต้ผิวดินกว่า 6 เมตร ห่างไกลทะเล ชี้เป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ ในเบื้องต้นพบว่าบริเวณดังกล่าวไกลจากทะเล และไม่พบว่ามีการนำซากวาฬเกยตื้นมาฝังบริเวณนี้แต่อย่างใด

 

ThaiWhales องค์กรด้านอนุรักษ์วาฬ และทะเลเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ได้รับแจ้งว่ามีการพบ โครงกระดูกวาฬ ที่ ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ก่อนแจ้งศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก (ศวบต.) คาดเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์วาฬ และ เรื่องโบราณคดี และธรณีวิทยา

 

 

โครงกระดูกวาฬที่พบอยู่ลึกจากผิวดินกว่า 6 เมตร เป็นวาฬขนาดใหญ่ยังไม่ทราบสายพันธุ์ พบส่วนกระดูกสันหลัง (Vertebrate) 5 ชิ้น ที่มีขนาดใหญ่ และดูจะใหญ่กว่าซากวาฬบรูด้าที่เคยพบมา

 

จากการสังเกต พื้นที่ใกล้กับแม่น้ำท่าจีน ที่พบมีลักษณะเป็นกระซ้า มีซากเปลือกหอยเล็กๆ ทับถม ทำให้อาจสันนิษฐานได้ว่าพื้นที่นี้เคยเป็นทะเลมาก่อน ซึ่งนักวิจัยทช. กำลังหาวิธีในการเก็บกู้โครงกระดูกที่เหมาะสมที่สุด รวมทั้งหาอายุของพื้นที่ และตรวจหาค่าอายุกระดูกด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ต่อไป

 

 

ที่ผ่านมานั้นมีการโครงกระดูกวาฬบนแผ่นดิน ลึกลงไปใต้ดินอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น โครงกระดูกวาฬฟิน ณ หมู่บ้านวิจิตราธานี ถนนบางนา-ตราด ซึ่งอยู่ห่างจากปากแม่น้ำไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร และบางชิ้นกลายเป็นฟอสซิลแล้ว

 

หากประมาณจากช่วงอายุที่สามารถเกิดเป็นฟอสซิลได้จึงเชื่อว่าบริเวณนี้เคยเป็นแนวฝั่งทะเลมาก่อนทั้งยังเคยพบ โครงกระดูกวาฬบรูด้า บริเวณหมู่ 8 ตำบลโคกขาม จ.สมุทรสาคร ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 2 กิโลเมตร อันเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาว่าพื้นที่แถบนี้เคยเป็นท้องทะเลลึกมาก่อน

 

โครงกระดูกวาฬฟิน

 

จากการศึกษาพบว่าในอดีตกรุงเทพฯ อยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เคยจมอยู่ใต้ทะเลมาก่อน เพราะในอดีตนั้นโลกอยู่ในช่วงอบอุ่นมากช่วงหนึ่ง

 

ทำให้น้ำแข็งจำนวนมาก ละลายออกจากขั้วโลกทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นสูง และนั่นคือเหตุผลของการที่หลายจังหวัดในภาคกลางตอนล่างของไทย (ขณะนั้นยังไม่มีเมืองไทยปรากฏขึ้นบนโลก) จมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล

 

ช่วงเวลาที่โลกร้อนในช่วงนี้ ว่าช่วง Medieval Warm Period ตรงกับสมัยทวารวดี หรือก่อนจะมีการก่อตั้งกรุงสุโขทัยนั่นเอง ทำให้ทะเลอ่าวไทยในยุคนั้น มีขอบเขตกว้างขวางกว่าปัจจุบันมาก

 

 

ต่อมาโลกเริ่มเย็นลงจนเข้าสู่ช่วง ยุคน้ำแข็งย่อย น้ำทะเลเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งตามขั้วโลก ระดับน้ำทะเลทั่งโลกเริ่มลดลง ประกอบกับการทับถมของตะกอนแม่น้ำหลายร้อยปี ทำให้จังหวัดต่างๆ ในภาคกลางตอนล่างปัจจุบัน เริ่มโผล่ขึ้นเหนือระดับน้ำทะเล ตรงกับยุคกรุงสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรไทย

 

แต่ในปัจจุบันโลกกลับเข้าสู่ช่วงอบอุ่นอีกครั้ง และความร้อนพุ่งทะยานเร็วขึ้น จากสภาพเรือนกระจกที่เกิดจากแก๊สต่างๆ ทำให้เกิดการละลายของน้ำแข็งจากขั้วโลก และธารน้ำแข็ง หรือหิ้งน้ำแข็ง รวมทั้งยอดเขาน้ำแข็งต่างๆ อย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

จึงมีความเป็นไปได้ที่วัฏจักรเดิมจะกลับมาอีกครั้ง กับการกลับลงสู่ใต้ทะเลของหลายเมืองริมชายฝั่งทั่วโลก รวมทั้งภาคกลางตอนล่างของไทย

 

ที่มา : ThaiWhales / paipibat

ข่าวที่เกี่ยวข้อง