รีเซต

วัคซีนโควิด ป้องกันเด็กเกิดภาวะ MIS-C ( มิสซี)-ลดรุนแรงโรค

วัคซีนโควิด ป้องกันเด็กเกิดภาวะ MIS-C ( มิสซี)-ลดรุนแรงโรค
TNN ช่อง16
3 สิงหาคม 2565 ( 12:24 )
79
วัคซีนโควิด ป้องกันเด็กเกิดภาวะ MIS-C ( มิสซี)-ลดรุนแรงโรค

วันนี้ ( 3 ส.ค. 65 )กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เปิดเผยว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีเด็กอายุ 0-18 ปีติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น ทำให้มีการพบผู้ป่วย MIS-C (มิสซี) เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเป็นอาการที่พบในเด็กหลังติดเชื้อโควิด19 อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2565 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้มีบริการการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้เด็ก ซึ่งคาดหวังว่าจำนวนผู้ป่วยเด็กที่เป็นโควิดลดลง ส่งผลให้อัตราการเกิดมิสซีลดลงด้วย

 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า  MIS-C เป็นกลุ่มอาการที่พบได้ในผู้ป่วยเด็ก ซึ่งผู้ป่วยอาจจะมีอาการคล้ายโรคคาวาซากิ แต่พบภาวะช็อคที่เกิดจากการอักเสบที่หัวใจหรือหลอดเลือดหัวใจโป่งพองซึ่งเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้ ถ้ามีอาการรุนแรงจนจำเป็นต้องรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต ในประเทศไทย

พบผู้ป่วย MIS-C แล้วมากกว่า 100 ราย ทั่วประเทศ  สำหรับการป้องกันโรคนี้มีการรายงานจากต่างประเทศพบว่าการให้วัคซีนป้องกันโควิดลดความเสี่ยงต่อการเกิด MIS-C และลดความรุนแรงของโรคได้

นายแพทย์อดิศัย  ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มีการพบผู้ป่วย MIS-C จำนวน 51 ราย อายุตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 11 ปี อายุเฉลี่ย 4.8 ปี ผู้ป่วยร้อยละ 27  มีภาวะช็อคจึงจำเป็นต้องให้การรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยบางคนมีเส้นเลือดหัวใจโป่งพองคล้ายกับโรคคาวาซากิ ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดมีการตอบสนองต่อการรักษาดี การทำงานของหัวใจกลับมาทำงานเป็นปกติร้อยละ 90 ระยะเวลาที่รักษาในหอผู้ป่วยวิกฤตขึ้นกับความรุนแรงและการตอบสนองต่อการรักษา ในสถาบันฯ พบการเสียชีวิตจากภาวะนี้จากเส้นเลือดหัวใจโป่งพอง 1 ราย การวินิจฉัยและการรักษาที่ทันท่วงที

จะช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคนี้และลดภาวะแทรกซ้อนได้ ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินียังไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากวัคซีนป้องกันโควิดในผู้ป่วยที่เคยเป็น MIS-C และพบว่าผู้ป่วย MIS-C ที่จำเป็นต้องเข้าไอซียู

ในปี 2565 มีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้วก่อนที่จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้เด็กไทย

ข้อมูลจาก  : กรมการแพทย์

ภาพจาก  :  AFP

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง