รีเซต

เตือนโอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรป กลางเดือน ม.ค.

เตือนโอไมครอนเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรป กลางเดือน ม.ค.
TNN World
16 ธันวาคม 2564 ( 14:42 )
55

Covid-19: ประธานคณะกรรมการสหภาพยุโรปเตือนเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ “โอไมครอน” (Omicron) อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ภายในช่วงกลางเดือนมกราคม แต่ยืนยันมีวัคซีนเพียงพอในการรับมือ และองค์การยายุโรป ยังได้อนุมัติวัคซีนของ Johnson & Johnson เป็นวัคซีนกระตุ้นภูมิแล้ว

 

อัวร์ซูลา ฟอน เดอ ไลเอิน ประธานคณะกรรมการสหภาพยุโรป กล่าวต่อรัฐสภายุโรปในวันพุธ (15 ธันวาคม) อ้างข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ “โอไมครอน” อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรือ EU ภายในช่วงกลางเดือนมกราคมที่จะถึงนี้

 

แต่เธอยืนยันว่า 27 ประเทศสมาชิก EU มีวัคซีนเพียงพอในการต่อสู้กับการระบาดของโอไมครอน โดยขณะนี้ ยุโรปสามารถผลิตวัคซีนได้ 300 ล้านโดสต่อเดือน และตอนนี้หลายประเทศก็เดินหน้าฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิเข็ม 3 กันแล้วเพื่อป้องกันไวรัสโอไมครอนที่กำลังระบาดอย่างรวดเร็ว

 

ฟอน เดอ ไลเอิน กล่าวว่า เวลานี้ประเทศสมาชิก EU หลายประเทศตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นทั้งจากสายพันธุ์โอไมครอนและเดลตา ซึ่งยุโรปกำลังเตรียมตัวรับมือการระบาดระลอกใหม่นี้ด้วยการเร่งขยายการฉีดวัคซีนโควิดให้แก่ประชาชน

 

ขณะนี้ ประชาชนในประเทศสมาชิก EU ราว 66.6% ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว คิดเป็นจำนวนมากกว่า 300 ล้านคน ในจำนวนนี้ 62 ล้านคนได้รับวัคซีนเข็ม 3 แล้ว

 

คำเตือนของประธานคณะกรรมการ EU มีขึ้นหลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงในวันอังคาร (14 ธันวาคม) ว่า เชื้อไวรัสโอไมครอนอาจจะระบาดเข้าไปในประเทศส่วนใหญ่ของโลกแล้ว แม้ว่าหลายประเทศยังไม่มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ก็ตาม โดยเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวที่นครเจนีวาว่า เชื้อโอไมครอนกำลังแพร่ระบาดในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นนี้อาจสร้างภาระหนักให้แก่ระบบสาธารณสุขในหลายประเทศอีกครั้ง

 

นายเทดรอสยังกล่าวถึงข้อมูลเบื้องต้นก่อนหน้านี้ที่ว่า เชื้อโอไมครอนอาจไม่อันตรายเท่ากับเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์อื่น ๆ โดยบอกว่า "เราประเมินไวรัสโอไมครอนต่ำเกินไป"

 

ขณะเดียวกัน สำนักงานยายุโรป หรือ EMA แถลงในวันพุธว่า วัคซีนโควิดของ Johnson & Johnson ผ่านการอนุมัติให้ใช้เป็นวัคซีนกระตุ้นภูมิให้ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปได้แล้ว โดยให้ฉีดห่างกัน 2 เดือนหลังฉีดวัคซีนเข้มแรก หรือหลังจากได้รับวัคซีน mRNA ชนิดอื่น นับเป็นวัคซีนชนิดที่ 3 ต่อจาก Pfizer-BioNTech และ Moderna ซึ่งสำนักงานยายุโรป ที่ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ อนุมัติเป็นวัคซีนกระตุ้นภูมิสำหรับผู้ใหญ่ไปก่อนหน้าแล้ว

 

EMA ระบุว่า เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิดถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลข้างเคียง แต่ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีรายงาน

 

 


—————
ภาพ: Erik Mclean


 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง