PHGไฮซีซันดันงบครึ่งหลัง ทุ่ม500ล้านเสริมทัพบริการ
#PHG#ทันหุ้น - PHG รับอานิสงส์เข้าช่วงไฮซีซัน หนุนครึ่งหลังปี2567ผลงานแกร่ง พร้อมยืนเป้าปี2567 รายได้โตราว 13% จากปีก่อน รับฐานผู้ใช้บริการขยายตัวต่อเนื่อง เดินหน้าทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท อัพเกรดอุปกรณ์ทางการแพทย์-ปั้นอาคารใหม่ ปูทางหนุนหนุนโตระยะยาว
นางสาวจุฑาบงกช แย้มสอาด ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังปี 2567 น่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากครึ่งแรกปีนี้ เพราะเป็นช่วงเข้าฤดูกาลของอุตสาหกรรม (ไฮซีซัน) ของธุรกิจโรงพยาบาล รวมถึงทาง PHG เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมผู้เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลของบริษัทและรายได้ขยับเพิ่ม
ปีนี้รายได้โต 13%
อย่างไรก็ดี ในปี2567 บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมโต 13-15% เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากธุรกิจหันมาเน้นการให้บริการทางการแพทย์ และการเพิ่มขีดความสามารถในการการรองรับคนไข้ โดยเฉพาะกลุ่มโรคเฉพาะทางได้ ประกอบกับยังมีการขยายฐานผู้ป่วยใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังได้แรงหนุนจากกลุ่มผู้ป่วยใช้สิทธิ์โครงการสวัสดิการภาครัฐ อาทิ โครงการประกันสังคม โครงการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่มีการปรับเพิ่มค่าเหมาจ่ายจากเดิม1,640บาทต่อคนต่อปี เพิ่มเป็น 1,808 บาทต่อคนต่อปี และโครงการสวัสดิการข้าราชการ ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทุ่มงบเสริมทัพบริการ
นอกจากนี้ ทาง PHG มีแผนทุ่มงบลงทุนประมาณ 530 ล้านบาท รองรับการสร้างอาคารใหม่ จำนวน 280 ล้านบาท การเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ จำนวน 220 ล้านบาท และอื่นๆ จำนวน 30 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งแหล่งเงินทุนหลักๆ มาจากเงินที่เสนอขาย IPO และมีบางส่วนเป็นกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน เพื่อรองรับความต้องการ (ดีมานด์) ผู้ใช้บริการที่เติบโตมากขึ้น
ส่วนรูปแบบของการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่เพิ่มเติมนั้นจะมีการเพิ่มศูนย์การรักษาโรคมะเร็ง ศูนย์ MRI Center ศูนย์ทันตกรรม ศูนย์Stroke วอร์ด OPD และวอร์ด IPD ในส่วนของกลุ่มคนไข้เงินสด และDialysis Unit เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผู้ป่วยในส่วนของผู้ป่วยนอก (IPD) และผู้ป่วยใน (OPD) ในอนาคตที่ขยายตัว คาดน่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2567 ตลอดจนสนับสนุนการเติบโตในระยะยาวอีกทาง
ขณะที่ในแง่ของงบการเงินสิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 66.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 49.38% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 44.55 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 566.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.52 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 16.80% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 485.20 ล้านบาท
โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ และรายได้ของบริษัทมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้การให้บริการกับกลุ่มลูกค้าปกติ หรือ Normalized revenue ทั้งจำนวนรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล สามารถจำแนกรายได้ตามประเภทลูกค้า ได้แก่ รายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าคู่สัญญา รวมถึงรายได้จากกลุ่มลูกค้าโครงการสวัสดิการภาครัฐ ซึ่งประกอบด้วยโครงการประกันสังคม โครงการของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. และโครงการสวัสดิการข้าราชการ
ด้านฐานะทางการเงินของ PHG ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 ถือว่ามีความแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์รวม 2,403.04 ล้านบาท โดยมีเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 273.02 ล้านบาท ลูกหนี้การค้า และลูกหนี้หมุนเวียนอื่นจำนวน 118.20 ล้านบาท รายได้ค่าบริการทางการแพทย์ค้างรับจำนวน 207.67 ล้านบาท สินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่นจำนวน 767.75 ล้านบาท และที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์จำนวน 860.47 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 373.72 ล้านบาท แบ่งเป็นเจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อื่นจำนวน 265.55 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 15.84 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2,029.32 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 0.18 เท่า
*แนะซื้อ PHG เป้า12 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” PHG ราคาเป้าหมาย 21 บาท โดย PHG เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ราคาถูกที่สุดในไทย ปัจจุบันเทรด PE เพียง 15 เท่า ไม่มีหนี้ และคาดกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 303 ล้านบาท เพิมขึ้น 17% y-y ปัจจัยหนุนการเติบโต ได้แก่ 1) รายได้ปรับสูงขึ้นหลังยกระดับขีดความสามารถในการรักษา Tertiary Care, 2) มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ CLMV เพิ่มขึ้นจากค่ารักษาที่ถูกกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยยะ และ3) มีแผนสร้างโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง คาดแล้วเสร็จ 2Q68 - 4Q68 หนุนการเติบโตระยะยาว