FORTHเคาะรายได้หมื่นล. ติดปีก“เต่าบิน”โกอินเตอร์

นายชัชวิน พิพัฒน์โชติธรรม ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FORTH เปิดเผยว่า มองแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565จะมีการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,250 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 147 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับฐานธุรกิจทั้ง 3 ของบริษัทที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น

แบ็กล็อกแน่น

โดยธุรกิจอีเอ็มเอส ที่ดำเนินการจัดหา ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งงานสั่งผลิตและอุปกรณ์ทั่วไปนั้น ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับคำสั่งซื้อใหม่ๆ จากลูกค้ารายใหญ่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีงานในมือรอการทยอยส่งมอบ (Backlog) กว่า 1,400-1,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2565 ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีลูกค้ารายย่อยใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย เบื้องต้นคาดว่าในช่วงปลายปี 2565 จะมีการเซ็นสัญญาผลิตเข้ามาได้เพิ่มบางส่วน และคาดว่าจะเห็นคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2566 เป็นต้นไป อีกทั้งด้วยการขยายการติดตั้งตู้เต่าบินเพิ่มอย่างต่อเนื่องใน 2-3 ปีนี้ ทำให้ธุรกิจ EMS ยังสามารถรับรู้รายได้จากการประกอบตู้เข้ามาได้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ส่วนธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ โซลูชั่นส์ ที่เป็นส่วนงานที่รับงานโครงการ จัดหา จัดจ้างและวางระบบต่างๆ จากภาครัฐและภาคเอกชนนั้น บริษัทยังมี Backlog ในมืออยู่ประมาณ 643 ล้านบาท จาก 4 โครงการ ได้แก่ กรมคุมประพฤติ, การไฟฟ้านครหลวง, กรมการปกครอง และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งส่วนใหญ่กว่า 80-90%จะทยอยส่งมอบและรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในส่วนที่เหลือจะสามารถส่งมอบได้ในปีถัดไป

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการเข้าร่วมเสนอราคาประกวดงานโครงการใหม่ๆ จากทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตามแผนงานในปี 2565-2566 บริษัทจะร่วมประมูลงานใหม่กว่า 17 โครงการ แบ่งเป็นจากหน่วยงานการไฟฟ้า 5 โครงการ, หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงอุดมศึกษา 2โครงการ, หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม 2 โครงการ และหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม 8โครงการ โดยมีมูลค่ารวมมากกว่า 9,700 ล้านบาท ซึ่งกว่า 60-70% เป็นส่วนงานต่อเนื่องจากโครงการที่บริษัทเคยรับมาแล้วก่อนหน้านี้

เต่าบินอินเตอร์

สำหรับธุรกิจสมาร์ท เซอร์วิส เป็นส่วนงานที่ให้บริการธุรกรรมการเงินออนไลน์ จำหน่ายสินค้าและบริการผ่านตู้อัตโนมัติ ได้แก่ ตู้บุญเติม ต้องยอมรับว่ายอดการเติมเงินอยู่ในทิศทางขาลง แต่บริษัทอยู่ระหว่างการปรับตู้เดิมที่มีให้สามารถขยายการให้บริการได้มากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการปล่อยกู้และการถอนเงินสด

ขณะที่ตู้เต่าบินยังคงมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในบางวันที่ฝนตกจะกระทบให้ยอดขายชะลอตัวลงไปบ้าง แต่โดยรวม 7 เดือนแรกปีนี้ยอดขายยังคงขยายตัวได้ดี สอดคล้องตามปริมาณตู้เต่าบินที่กระจายทั่วไปทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยตอนนี้มีตู้เต่าบินที่ให้บริการอยู่ประมาณ 2,900 ตู้ ซึ่งสัดส่วนกว่า 53% กระจายตัวอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ส่วนที่เหลือ 47% อยู่ในต่างจังหวัด คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะแตะที่ระดับมากกว่า 6,000 ตู้ได้ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ปีนี้วางไว้ว่าจะขยายตู้เพิ่มแตะ 5,000 ตู้

บริษัทยังคงเป้าหมายในระยะ 2-3 ปี(2565-2567) จะมีตู้เต่าบินกระจายตัวให้บริการทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 20,000 ตู้ และจะขยายตู้เต่าบินไปยังต่างประเทศ โดยจะเริ่มทดลองตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในช่วงปลายปี 2565 หรือไม่เกินต้นปี 2566 ส่วนประเทศอังกฤษมองว่าจะเป็นตลาดต่อไปที่จะขยาย หลังนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ของตู้เต่าบินลงตัวแล้ว

ทั้งนี้ บริษัทยังคงไม่หยุดยั้งในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอีกไม่นานจากนี้จะเห็นการขยายการให้บริการในทั้งในส่วนของตู้ให้บริการเครื่องดื่ม และอาหาร เพิ่มเติม ซึ่งอยู่ในขั้นต้อนของการวิจัยและพัฒนา (R&D) 

อย่างไรก็ดีภาพรวมการดำเนินงานปี 2565 คาดว่ารายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% หรือยืนเหนือระดับ 10,000ล้านบาทได้ จากปีก่อนที่ 8,812.73 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิมองว่าจะไม่ตำกว่าปีก่อนที่ระดับ 722.76แน่นอน จากในช่วงครึ่งแรกปีทำได้แล้ว 383.69 ล้านบาท