135 หญิงไทยได้ไปต่อ ลุยด่านสอง ลุ้นบรรจุ ‘ทหารพรานหญิง’

เมื่อเวลา 09.00 น วันที่ 29 กันยายน ที่โรงพละศึกษา มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการทดสอบร่างกายของผู้ผ่านการสอบคัดเลือกเข้า กองกำลังอาสาสมัครทหารพรานหญิง รอบที่ 2 ที่ผ่านเข้ามาได้จำนวน 135 คน จากจำนวนผู้สมัครทั้งสิ้น 1,261 คน โดยบรรยากาศวันนี้เป็นไปด้วยความคึกคัก ทุกคนต่างทยอยเดินทางมารายงานตัวตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกขั้นที่ 1 ต้องฝึกสมรรถภาพ สอบภาคสนามครั้งสุดท้าย
ทั้งนี้ การทดสอบกำลังตามเกณฑ์มาตรฐานของทหารพราน ได้แก่ สถานีดันพื้น ลุกนั่ง วิ่ง ตามลักษณะระเบียบที่ถูกต้อง และตามเกณฑ์ที่กองทัพบกกำหนด รวมถึงการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย พร้อมทั้งมีการสอบภาควิชาการ และการสอบสัมภาษณ์ สอบภาควิชาการ ได้แก่ ความรู้วิชาทหารพราน (โดยใช้ข้อสอบจากสอบสัมภาษณ์ สังเกตลักษณะท่าทาง เชาว์ ปัญญา การทดสอบเชิงจิตวิทยา คุณลักษณะทางทหาร ทัศนคติและความจงรักภักดี)
พ.อ.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การเป็นทหารพรานหญิงเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เสียสละ วันนี้เราจะทำการคัดเลือกโดยโปร่งใสและยุติธรรม ถูกต้อง ซึ่งทหารพรานหญิงจะเป็นกำลังสำคัญในการเข้ามามีบทบาทในการช่วยแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันนี้การเข้าถึงประชาชน หรือการแก้ไขปัญหา ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์อะไรแล้ว แต่เราจะใช้ชุดทหารพรานหญิงเข้าไปสร้างความเข้าใจมากกว่า ดังนั้น เมื่อทุกคนเลือกที่จะเข้ามาเป็นอาสาสมัครทหารพรานหญิงแล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องมีความตั้งใจ มุ่งมั่น ในการที่จะช่วยเหลือภาครัฐในการแก้ไขปัญหา
“หน้าที่หลักของเจ้าหน้าที่ทหารพรานหญิงคือ ช่วยเหลือประชาชนในหลายๆ ด้าน ตามภารกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่ผ่านมานี้ทหารพรานหญิงได้สร้างภาพพจน์ ภาพลักษณ์ที่ดี เข้าถึงการช่วยเหลือ และเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างทหารกับพี่น้องประชาชนได้อย่างดีเสมอมา” พ.อ.คมกฤชกล่าว
นางสาวนารีรัตน์ ทำของดี อายุ 24 ปี จากจังหวัดเชียงราย ผู้ผ่านการสอบคัดเลือกขั้นที่ 1 กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่สอบผ่านการคัดเลือก วันนี้เป็นการสอบขั้นที่ 2 ก็จะทำให้เต็มที่ เพราะเชื่อว่ากว่าจะมาเป็นทหานพรานหญิงได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องผ่านบททดสอบหลายๆ ด้าน นอกจากจะต้องแข่งกับเพื่อนผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว ยังต้องแข่งกับจิตใจของเราเอง เพราะฉะนั้นกว่าจะมาเป็นทหารพรานหญิงนั้น สิ่งสำคัญคือต้องผ่านทุกอย่างให้ได้
“จริงๆ แล้วการเป็นทหารพรานหญิงถือเป็นความใฝ่ฝัน เพราะชอบความเป็นทหารหญิง การทำหน้าที่ได้ช่วยเหลือชาวบ้าน ใช้ความอ่อนโยนของความเป็นผู้หญิงให้การช่วยเหลือ และให้ความเชื่อใจได้ดีกว่าผู้ชาย รู้สึกไม่กลัวในสภานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะในครอบครอบมีพ่อเป็นตำรวจเหมือนกัน และถ้ามีโอกาสขอทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้” นางสาวนารีรัตน์กล่าว
ด้านนางสมพิศ สุขเมตตา อายุ 51 ปี เผยว่า ตนกับลูกสาวมาจาก จ.นครศรีธรรมราช วันนี้เดินทางมาเชียร์ลูกสาวสมัครทหารพราน ภูมิใจมากที่ลูกสาวได้ตัดสินใจมาสมัคร และเดินในเส้นทางนี้ อยากให้ลูกได้เป็นทหารพราน เพราะเป็นความฝันของลูกสาวมาก หากได้เป็นก็ไม่กังวล เพราะไม่มีอันตรายอะไร ภูมิใจมากที่ลูกมาสมัคร อีกทั้งเป็นผู้หญิงยิ่งภูมิใจ และจะเชียร์ลูกอย่างเต็มที่ต่อไป