รีเซต

เรื่องเล่าของสีจิ้นผิง : 'จินไจ้' อำเภอประวัติศาสตร์การปฏิวัติของจีน

เรื่องเล่าของสีจิ้นผิง : 'จินไจ้' อำเภอประวัติศาสตร์การปฏิวัติของจีน
Xinhua
1 ตุลาคม 2563 ( 13:46 )
103
เรื่องเล่าของสีจิ้นผิง : 'จินไจ้' อำเภอประวัติศาสตร์การปฏิวัติของจีน

จินไจ้, 1 ต.ค. (ซินหัว) -- เดือนเมษายน 2016 ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเดินทางเยือนอำเภอจินไจ้ ในเมืองลู่อัน ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาต้าเปี๋ยมณฑลอันฮุยทางตะวันออกของประเทศจีน อำเภอแห่งนี้เป็นฐานการปฏิวัติแห่งสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในช่วงสงคราม

 

อำเภอจินไจ้เป็นถิ่นกำเนิดของทหารกลุ่มหลักของกองทัพแดงและได้ชื่อว่าเป็น "อำเภอแห่งนายพล" เพราะเป็นบ้านเกิดของนายพล 59 คน ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

เมื่อเดือนเมษายน 2016 สีจิ้นผิงเดินทางเยือนอันฮุย โดยได้วางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์แห่งหนึ่งเพื่อรำลึกถึงวีรชนผู้ล่วงลับในการปฏิวัติ นอกจากนี้เขายังได้เยือนอนุสรณ์สถานของกองทัพแดง และพิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ ประธานาธิบดีได้ใช้โอกาสนี้ย้ำถึงความสำคัญของการสืบทอดจิตวิญญาณแห่ง "ประเทศสีแดง" หรือประเทศสังคมนิยมแห่งนี้สู่อนุชนคนรุ่นหลัง

ในอดีต ชาวบ้านหลายชั่วอายุคนในจินไจ้ต่างต้องทนทุกข์เพราะความยากจน พวกเขาต่างใฝ่ฝันถึงความเปลี่ยนแปลง

หูจุนหย่วน ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนและบันทึกเหตุการณ์ท้องถิ่นของอำเภอจินไจ้ สังกัดคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวว่า "หลังได้รับแรงบันดาลใจจากขบวนการ 4 พ.ค. ช่วงต้นทศวรรษ 1920 กลุ่มคนที่มีหัวคิดก้าวหน้าได้จัดตั้งกลุ่มศึกษาลัทธิมาร์กซ์และองค์กรเพื่อความก้าวหน้า เช่น ชมรมอ่านหนังสือต่างๆ ซึ่งได้วางรากฐานแนวคิดที่แข็งแกร่งสำหรับการก่อตั้งองค์กรของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในยุคเริ่มแรกเป็นวงกว้างรวมถึงการลุกฮือของทหารติดอาวุธ"

 

นอกจากนี้ จินไจ้ยังเป็นสถานที่สำคัญของเหตุการณ์การลุกฮือในฤดูร้อน (Summer Beginning Uprising) โดยเมื่อปี 1929 พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำประชาชนท้องถิ่นให้ลุกฮือขึ้นใช้อาวุธต่อสู้ มีการก่อตั้งฐานการปฏิบัติขึ้นที่นี่ และเป็นสถานที่ที่กองทัพแดงและกองกำลังติดอาวุธของท้องถิ่นก่อกำเนิดขึ้น อำเภอแห่งนี้จึงกลายเป็นบ้านเกิดที่สำคัญแห่งหนึ่งของการปฏิวัติของจีนและกองทัพของประชาชน

 

"ผมเห็นสงครามมากับตาตอนอายุ 10 ปี" หงซวีหย่ง ชาวบ้านในอำเภอจินไจ้เล่า

หลัวเซียนผิง ชาวบ้านในหมู่บ้านฉางหลิ่งกวนของอำเภอจินไจ้เล่าว่า "ก่อนการปลดแอก คุณปู่ของผมและพี่น้องอีก 5 คนทยอยไปเป็นทหารในกองทัพ มีเพียงปู่ของผมคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมาได้ในสภาพบาดเจ็บ หลังจากการปลดแอก ครอบครัวผมได้รับประกาศนียบัตรวีรชน 5 ใบ ผมถึงได้รู้ว่าพวกเขาตายหมดแต่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาถูกฝังอยู่ที่ไหน พวกเราอยากรู้ว่าร่างของพวกเขาอยู่ที่ใด"

 

หลังสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นในปี 1949 มีนักปฏิวัติจากอำเภอจินไจ้ที่ได้รับยกย่องให้เป็นวีรชนทั้งหมด 11,000 ราย และยังมีวีรชนอีก 90,000 ราย ที่ยังไม่ทราบข้อมูลว่ามาจากที่ใด

เดือนกรกฎาคม 2016 สีจิ้นผิงกล่าวปราศรัยในกิจกรรมครบรอบ 95 ปีการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่า "เราควรระลึกถึงความปรารถนาที่ไม่ได้รับการเติมเต็มของวีรชนเหล่านี้อยู่เสมอ และเราไม่ควรหลงลืมอุดมการณ์ที่พวกเขาต้องหลั่งเลือดเพื่อให้ได้มา"

เจิงฝานอิ๋น ผู้อำนวยการสถาบันสังคมศาสตร์ของมณฑลอันฮุยกล่าวว่า "เราควรระลึกถึงโอวาทของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงอยู่เสมอ และยืนหยัดบนวิถีแห่งการฟื้นฟูชาติซึ่งวีรชนนักปฏิวัติจำนวนมากต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อ เพื่อร่วมจดจารประวัติศาสตร์บทใหม่ที่ควรค่าแห่งยุคสมัย"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง